เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยกองยุทธศาสตร์การพัฒนาความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาไท (มพท.) จัดประชุมเวที “พลังข้อมูล พลังชุมชน : สรุปบทเรียนเพื่อการขยายผลการจัดการปัญหาช้างป่าด้วยผังตำบล” ณ หอประชุมใหญ่ ชั้น 1 (หอประชุมใหม่) องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว เพื่อนำเสนอผลการพัฒนาการจัดทำข้อมูลโดยใช้ผังตำบลเพื่อการจัดการช้างป่า และแลกเปลี่ยนแนวทางการบูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและขยายตัวในวงกว้าง โดยมี นางสาววรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุม และมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 200 คน ประกอบด้วย กรรมการมูลนิธิพัฒนาไท หน่วยงานภาครัฐจากส่วนกลางและระดับพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาช้างป่าภาคตะวันออก ผู้เชี่ยวชาญ/นักวิชาการด้านช้างป่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วุฒิอาสาธนาคารสมอง และภาคีเครือข่ายการพัฒนา
รศช.วรวรรณ ประธานในพิธีกล่าวถึงบทบาทของ สศช. ที่เข้ามาหนุนเสริมการสร้างพลังทางสังคม ผ่านการดำเนินโครงการพื้นที่ปฏิบัติการที่ยั่งยืน (SDG Lab) ภาคตะวันออก โดยในปีนี้ชุมชนได้เสนอเรื่องการจัดการช้างป่าภาคตะวันออกเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข และได้กำหนดแนวทางเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างยั่งยืน จำนวน 3 ประเด็น ประกอบด้วย (1) การจัดทำระบบข้อมูลเกี่ยวกับช้างป่า (2) การพัฒนาระบบเตือนภัยและช่องทางในการสื่อสารแบบ Real time และ (3) การปรับปรุงระบบช่วยเหลือและการเยียวยา ซึ่งที่ผ่านมาการจัดทำระบบข้อมูลเกี่ยวกับช้างป่า ยังมีข้อจำกัดจากการจัดเก็บข้อมูลที่ขาดความต่อเนื่อง ยังไม่เป็นระบบ และประชาชนไม่สามารถเข้าถึงได้ จึงมีความจำเป็นต้องจัดทำข้อมูลในระดับตำบลเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการวางแผนและตัดสินใจแก้ไขปัญหาเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทในพื้นที่ โดยกำหนดให้พื้นที่ตำบลทุ่งมหาเจริญ อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว เป็นพื้นที่นำร่องในการแก้ไขปัญหาช้างป่าผ่านการยกระดับศักยภาพชุมชนให้สามารถจัดเก็บ วิเคราะห์และใช้ข้อมูลของตนเอง พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างแนวทางและกลไกในการจัดการปัญหาได้ในระยะยาว
การประชุมเริ่มต้นด้วยการนำเสนอผลการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาช้างป่าด้วยกระบวนการจัดทำผังตำบลแบบมีส่วนร่วม โดยนางสาวดวงกมล วิมลกิจ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์การพัฒนาความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม สศช. ได้นำเสนอให้ที่ประชุมทราบถึง การใช้กระบวนการขับเคลื่อน SDG Lab ในการจัดการปัญหาช้างป่า ซึ่งเริ่มจากการรวมกลุ่มการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหา การสร้างและขยายเครือข่ายความร่วมมือกับนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ การพัฒนาแนวทางการทำงานผ่านฐานข้อมูล และการฝึกทักษะชุมชนในการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลสำคัญ โดยกระบวนการดังกล่าวมุ่งเน้นการเสริมสร้าง พลังทางสังคม ของชุมชนให้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และสร้าง หุ้นส่วนการพัฒนา ระหว่างหน่วยงานรัฐ ชุมชน และภาควิชาการ อีกทั้งยังช่วยสร้าง ฐานข้อมูลจากผังตำบล ที่เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างพื้นที่ต่าง ๆ จนทำให้สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยง วางแผน และกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่าได้อย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และทันต่อสถานการณ์
ต่อมา นายบัญชา เทียมครบุรี วุฒิอาสาธนาคารสมองจังหวัดสระแก้ว และนายวิษณุพงศ์ โนจิตต์ นัก GIS และนักจัดการข้อมูล จากบางกอก ซิตี้ แลป ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดทำผังตำบลทุ่งมหาเจริญ พร้อมระบุว่า กระบวนการจัดทำผังตำบล ประกอบด้วย (1) เตรียมความพร้อม โดยร่วมกันทำความเข้าใจกับสถานการณ์ปัญหา พร้อมทั้งกำหนดบทบาทและพัฒนาศักยภาพคณะทำงาน (2) จัดเก็บและพัฒนาฐานข้อมูล โดยใช้เครื่องมืออย่างง่าย ไม่ซับซ้อนและสามารถติดตั้งในโทรศัพท์ของทุกคน ได้แก่ แอปพลิเคชัน Time Stamp และ Ling ซึ่งชุดอาสาเฝ้าระวัง และคนในชุมชนสามารถร่วมดำเนินการได้โดยการถ่ายภาพจุดที่เกิดปัญหาแบบแสดงพิกัด เพื่อส่งให้ศูนย์จัดการข้อมูลขององค์การบริหารส่วนตำบลนำมาจัดทำแผนที่ด้วยโปรแกรม QGIS (3) วิเคราะห์และสร้างแผนที่ความเสี่ยง ซึ่งพิจารณาจากความเสียหายของทรัพย์สิน พืชผลทางการเกษตร คูกันช้าง ความถี่ จำนวนที่พบช้างป่าและเส้นทางเดินช้างป่า จนนำมาสู่การแบ่งระดับความเสี่ยงในพื้นที่ (4) ออกแบบแผนผลักดันและเฝ้าระวัง เพื่อจำกัดขอบเขตความเสียหายไปยังพื้นที่อื่น (5) สร้างพื้นที่กลางในการขับเคลื่อนอย่างมีส่วนร่วม และ (6) ขยายความร่วมมือเพื่อสร้างการแก้ไขที่ยั่งยืนไปยังพื้นที่อื่น ๆ ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำผังตำบล ได้แก่ การนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนเส้นทางผลักดันช้างกลับสู่ป่าอย่างเป็นระบบ โดยกำหนดจุดเข้า–ออก ปรับปรุงสิ่งกีดขวางและเส้นทางเพื่อลดการออกนอกพื้นที่และลดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง การจัดสรรเจ้าหน้าที่ผลักดัน อุปกรณ์ และมาตรการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงภัยของพื้นที่ อาทิ ไฟฟ้าส่องสว่าง การซ่อมแซมสิ่งกีดขวาง การปรับปรุงพื้นที่เพื่อลดความเสี่ยง การเปลี่ยนชนิดพืชเพาะปลูกในพื้นที่เสี่ยง พัฒนาแหล่งน้ำ และส่งเสริมอาชีพสร้างรายได้ทดแทน รวมถึงการสร้างกลไกประสานงานกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งพื้นที่ข้างเคียง ภาคเอกชน และภาครัฐ เพื่อให้เกิดการสนับสนุนและช่วยเหลือเยียวยากลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและความยั่งยืนในการจัดการปัญหาช้างป่าอย่างครบวงจร
จากนั้นได้มีการเสวนาในหัวข้อ การพัฒนากระบวนการแก้ไขปัญหาช้างป่า ด้วยกระบวนการจัดทำผังตำบล โดยมีนางสาวเมตตา ราศรีจันทร์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สศช. เป็นผู้ดำเนินรายการเสวนา และมีผู้ทรงคุณวุฒิร่วมอภิปรายและแลกเปลี่ยนความเห็น ประกอบด้วย (1) นายเจริญชัย โตไธสง นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (2) นางสาวมยุรีย์ หนองกาวี ท้องถิ่นจังหวัดสระแก้ว ผู้แทนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (3) นายจารุตตม์ เดชะพหุล เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว (4) รศ.ดร.รองลาภ สุขมาสรวง อาจารย์ประจำคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ (5) นายดิเรก จอมทอง ประธานเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากภัยช้างป่าภาคประชาชน โดยผู้ร่วมเสวนาได้สะท้อนประเด็นสำคัญ ดังต่อไปนี้
(1) การเชื่อมโยงและบูรณาการระบบข้อมูลเพื่อการจัดการปัญหาช้างป่า ข้อมูลจากการจัดทำผังตำบลสามารถเติมเต็มช่องว่างของฐานข้อมูลช้างป่าในระดับประเทศ และสามารถเชื่อมโยงกับข้อมูลจาก “ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสัตว์ป่า” ของกรมอุทยานฯ ซึ่งมีการรวบรวมข้อมูลจากชุดปฏิบัติการผลักดันช้างป่าทั่วประเทศในลักษณะกึ่ง Real-time เพื่อนำมาประมวลผลและพัฒนาต่อยอดเป็น “ผังใหญ่ของทั้งประเทศ” ทั้งนี้ ควรบูรณาการและเชื่อมโยงหลายระดับ ตั้งแต่ระดับตำบล ขยายผลไปยังระดับจังหวัดจนถึงระดับประเทศ โดยเริ่มจากการสร้างศูนย์รวมข้อมูลในระดับตำบลและจังหวัด ซึ่งจะทำให้การวางแผนเชิงพื้นที่เป็นระบบ สามารถเชื่อมโยงไปสู่การกำหนดแนวทางระดับประเทศ และเป็นเครื่องมือในการติดตามสถานการณ์ การแจ้งเตือน และการสนับสนุนการทำงานของเครือข่ายอาสาสมัครในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ระบบข้อมูลควรสะท้อนความเป็นจริงจากพื้นที่และเกิดจากความร่วมมือของคนในชุมชน เพื่อที่จะสร้าง “พลังชุมชน” ในการจัดการปัญหาระดับพื้นที่อย่างยั่งยืน ซึ่งหากสามารถจัดทำระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพร่วมกันได้จะนำมาสู่การกำหนดนโยบาย การจัดสรรงบประมาณและการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้มีความแม่นยำและตรงจุดมากยิ่งขึ้น
(2) การยกระดับการแก้ไขปัญหาจากผังตำบลสู่ระดับนโยบาย โดยใช้ผังตำบลเป็นเครื่องมือในการพัฒนาระบบข้อมูลในพื้นที่ที่สะท้อนมิติและนโยบายการจัดการปัญหาช้างป่า ทั้งด้านการจัดการพื้นที่ ด้านเศรษฐกิจและการชดเชย ด้านการอนุรักษ์และความมั่นคงของระบบนิเวศ ด้านกฎหมาย และด้านการมีส่วนร่วมของสังคม ซึ่งระบบข้อมูลจากพื้นที่จะช่วยให้การกำหนดนโยบายระดับชาติ มีความแม่นยำและตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จริง อาทิ การบริหารจัดการพื้นที่เขตกันชน (Buffer Zone) การจัดสรรงบประมาณสนับสนุนอุปกรณ์และเทคโนโลยีได้ตรงกับบริบทของพื้นที่และความต้องการของชุมชน การจัดทำมาตรการเยียวยาความเสียหายที่สอดคล้องกับความสูญเสียและชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบได้อย่างเป็นธรรมมากขึ้น รวมทั้งการพัฒนากลไกกำกับติดตามเชิงนโยบาย
นอกจากนี้ มีการระดมความคิดเห็นแนวทางการขยายผลการจัดการปัญหาช้างป่าด้วยผังตำบลไปยังพื้นที่อื่น โดยผู้เข้าร่วมประชุมทั้ง 8 จังหวัดภาคตะวันออกได้ทดลองจัดทำผังตำบล วาดผังทำมือ และทดลองระบุค่าพิกัด กำหนดปัญหาและแผนงานผ่านโปรแกรม QGIS รวมทั้งร่วมกันวางแนวทางการขยายผลจากผังตำบลสู่ผังระดับภาคตะวันออก โดยเน้นย้ำและดำเนินกิจกรรมตามกระบวนการจัดทำผังตำบล-ชุมชน ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้กำหนดผู้นำการขับเคลื่อนจังหวัดละ 3 คน เพื่อเป็นกลไกกลางในการเชื่อมประสานและเป็นศูนย์กลางในการจัดทำผังตำบล นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันกำหนดพื้นที่นำร่องสำหรับการขยายผลการดำเนินงาน ได้แก่ (1) จังหวัดสระแก้ว ตำบลวังทอง ตำบลวังใหม่ ตำบลพระเพลิง และตำบลหนองหว้าและ (2) จังหวัดฉะเชิงเทรา ตำบลทุ่งพระยา และตำบลท่ากระดาน
ในโอกาสนี้ ภาคีเครือข่ายได้ร่วมจัดแสดงนิทรรศการด้านการจัดการปัญหาช้างป่า ครอบคลุมสถานการณ์และมาตรการแก้ไขปัญหาโดยกรมอุทยานฯ การใช้ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติเพื่อสนับสนุนการประเมินแหล่งที่อยู่และการใช้พื้นที่ของช้างป่า โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) แนวทางการลดผลกระทบช้างป่าขององค์การบริหารส่วนตำบลเขาไม้แก้ว จังหวัดปราจีนบุรี แนวทางการจัดการปัญหาช้างป่าโดยชุมชนตำบลทุ่งพระยา จังหวัดฉะเชิงเทรา นวัตกรรมการจัดการช้างป่าในพื้นที่ชุมชนด้วยระบบ AI ของทีมอาสาสมัครเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าตำบลโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี และการลดความรุนแรงของ ความเสียหายจากช้างป่าด้วยการปรับเปลี่ยนพืชเกษตร ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านนาอีสาน จังหวัดฉะเชิงเทรา
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในระยะต่อไป สภาพัฒน์ และ มพท. จะร่วมกับภาคีเครือข่าย 8 จังหวัดภาคตะวันออก โดยมุ่งขยายผลและสร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาช้างป่าภาคตะวันออกโดยใช้ข้อมูลองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ปลดล็อกข้อจำกัดต่าง ๆ ซึ่งคาดหวังให้การขับเคลื่อนในระดับตำบลสามารถสร้างเครือข่ายพลังทางสังคมในลักษณะหุ้นส่วนการพัฒนาที่ตอบโจทย์คนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน ต่อไป
ข่าว/ภาพ : กองยุทธศาสตร์การพัฒนาความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม