Accessibility

Accessibility Options

สภาพัฒน์จัดเวทีสัมมนาแนวทางการขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะ ที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2566 นายเอนก มีมงคล รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการสัมมนา “แนวทางการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน” ภายใต้โครงการจัดทำร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ซึ่งเป็นเวทีสัมมนาระดับภาค ครั้งที่ 5 ภาคตะวันออก และได้รับเกียรติจาก นางสาวฐิติลักษณ์ คำพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนา ณ โรงแรมบางแสน เฮอริเทจ จังหวัดชลบุรี โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประมาณ 100 คน จากภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคม จากกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 8 จังหวัด

นอกจากนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชินวุธ พิพัฒน์ภานุกูล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก รองประธานคณะกรรมการโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา พร้อมทั้งคณะวิทยากรจากมหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ได้ให้ความอนุเคราะห์เป็นวิทยากรกระบวนการตลอดการสัมมนาฯ

การสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่และสร้างความเข้าใจในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) โดยเฉพาะหมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการ แผนงานและมาตรการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาภายใต้ 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
          1) การสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก
          2) การส่งเสริมกลไกความร่วมมือภาครัฐ เอกชน ประชาชน และประชาสังคมเพื่อการพัฒนาพื้นที่และเมือง
          3) การสร้างความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน โลจิสติกส์ และดิจิทัลรองรับพื้นที่เศรษฐกิจหลักและเมือง
          4) การเสริมสร้างความเข้มแข็งในการบริหารจัดการพื้นที่และเมือง

ผลการสัมมนาเบื้องต้นปรากฏว่า ผู้เข้าร่วมสัมมนาส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ที่ 1 การสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากเป็นลำดับแรก รองลงมาคือกลยุทธ์ที่ 2 4 และ 3 ตามลำดับ โดยผู้เข้าร่วมสัมมนา เสนอความเห็น ข้อเสนอแนะ ตลอดจนแนวทางการขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 8 โดยมีประเด็นสำคัญ เช่น

  • ข้อเสนอแนะภายใต้กลยุทธ์ที่ 1 เช่น สร้างฐานความรู้แก่ชุมชนให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือสินค้าพื้นถิ่น กระจายการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของชุมชนให้ทั่วถึง จัดตั้งกองทุนชุมชนเพื่อดูแลคนในชุมชน ส่งเสริมการช่วยเหลือเด็กยากไร้ เด็กกำพร้า เป็นต้น
  • ข้อเสนอแนะภายใต้กลยุทธ์ที่ 2 เช่น จัดทำข้อตกลงเพื่อการพัฒนาเมือง ระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม บูรณาการและแบ่งปันข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ส่งเสริมระบบสารสนเทศท้องถิ่น พัฒนาระบบแจ้งเตือนให้ประชาชนและการสื่อสารถึงภาครัฐแบบ real time นำพื้นที่รกร้างว่างเปล่ามาใช้ประโยชน์ เป็นต้น
  • ข้อเสนอแนะภายใต้กลยุทธ์ที่ 3 เช่น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ส่งเสริมการถ่ายทอดความรู้จากแรงงานทักษะสูงสู่ระบบอาชีวศึกษา ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุนสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย สร้างระบบการซื้อขาย Carbon Credit ในพื้นที่ EEC เป็นต้น
  • ข้อเสนอแนะภายใต้กลยุทธ์ที่ 4 เช่น จัดสรรงบประมาณและกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้น สนับสนุนทุนวิจัยให้กับประชาชนในท้องถิ่น ส่งเสริมการรวมกลุ่มจัดตั้งสหกรณ์ชุมชน ริเริ่ม Micro Finance สำหรับประชาชน ผู้ประกอบการ SMEs วิสาหกิจชุมชน ส่งเสริมการประเมินผลการพัฒนาพื้นที่และเมืองแบบมีส่วนร่วม เป็นต้น

สศช. จะรวบรวมและประมวลผลความเห็น พร้อมทั้งข้อเสนอแนะจากที่ประชุมโดยภาคส่วนต่างๆ จาก 8 จังหวัดภาคตะวันออก ร่วมกับผลการจัดสัมมนาจากภาคอื่นๆ เพื่อจัดทำ “แนวทางการขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน” เพื่อสนับสนุนการสร้างพลังร่วมในการพัฒนาประเทศไทยให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป


ภาพ/ข่าว : กองยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง