Accessibility

Accessibility Options

สศช. ร่วมประชุม ADB Annual Meeting ครั้งที่ 58 ผลักดัน 3Cs เชื่อมโยง-แข่งขัน-ชุมชน สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

เมื่อระหว่างวันที่ 4 – 7 พฤษภาคม 2568 นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ สศช. ในฐานะคณะผู้แทนไทยได้เข้าร่วมการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 58 (The 58th ADB Annual Meeting) และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี ภายใต้หัวข้อ “Sharing Experience, Building Tomorrow” ซึ่งในการประชุมประจำปี 2568 นี้ ADB ได้ให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิคใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ (i) การสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดย ADB ตั้งเป้าหมายการสนับสนุนงบประมาณ 40,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. ภายในปี 2573 เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบอาหารในเอเชีย (ii) การลดช่องว่างทางดิจิทัล เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินในระบบ และพัฒนาระบบชำระเงินให้ทันสมัย (iii) การส่งเสริมระบบพลังงานที่ยั่งยืน ผ่านการลงทุน 10,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในโครงการโครงข่ายพลังงานอาเซียน (ASEAN Power Grid) และ (iv) การเสริมสร้างความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของชุมชนเปราะบางให้สามารถปรับตัวต่อภาวะโลกร้อนได้ นอกจากนี้ ADB ยังมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถทางการเงิน และการวางเป้าหมายเพิ่มการลงทุนภาคเอกชน โดยเน้นบทบาทสำคัญของผู้ประกอบการและนักลงทุนในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการพัฒนา
 
ทั้งนี้ เลขาธิการ สศช. ได้รับเชิญให้เข้าร่วมอภิปรายในเวทีเสวนาหัวข้อ “Beyond Borders: Building Bridges for Shared Prosperity” โดยเน้นถึงความท้าทายและแนวทางที่จำเป็นในการส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาค ท่ามกลางบริบทที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศในด้านขนาดประชากรและเศรษฐกิจ ซึ่งนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำในศักยภาพการพัฒนา พร้อมเสนอให้ประเทศสมาชิกเร่งสร้างความเข้าใจร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างทั่วถึง โดยท่านเลขาธิการฯ ชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีความพยายามในการเปิดเสรีทางการค้าในระดับภูมิภาค แต่อุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) เช่น มาตรฐานที่ไม่สอดคล้องกันและข้อจำกัดด้านโลจิสติกส์ ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจ จึงควรเร่งผลักดันการลด NTBs ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิทัล รวมทั้งการดำเนินนโยบายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและลดช่องว่างระหว่างประเทศสมาชิก โดยเฉพาะในปัจจุบันที่การค้าโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน ในโอกาสนี้ เลขาธิการฯ ยังได้กล่าวถึงแนวคิด “3Cs” ได้แก่ การเชื่อมโยง (Connectivity) ความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness) และความเป็นชุมชน (Community) ซึ่งถือเป็นกรอบคิดสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือในแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Economic Cooperation Program: GMS Program) โดยเน้นว่าความเข้าใจและการวางแผนร่วมกันตามแนวคิดดังกล่าวจะเป็นรากฐานสำคัญของการรวมตัวและการพัฒนาที่ยั่งยืนของอนุภูมิภาค GMS ทั้งนี้ ได้เรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างรากฐานของความร่วมมือที่ยั่งยืนและสามารถรับมือกับความท้าทายในอนาคตร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
ขณะเดียวกัน เลขาธิการ สศช. ยังได้หารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของ ADB ประกอบด้วย (1) การหารือร่วมกับ Mr. Bruno Carrasco, Director General of the Sustainable Development and Climate Change Department, Asian Development Bank (ADB) ในประเด็นเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือในการจัดทำโครงการเพื่อยกระดับคุณภาพอากาศและน้ำ โดยมุ่งส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศไทยและการขับเคลื่อนร่วมกันในระดับภูมิภาค ทั้งนี้ ท่านเลขาธิการฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการบูรณาการประเด็นคุณภาพน้ำและอากาศเข้ากับภาคเกษตรซึ่งถือเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย รวมทั้งการส่งเสริมแนวทางการเพิ่มมูลค่าในภาคเกษตร โดยให้ความสำคัญกับการแบ่งปันข้อมูลระหว่างภาคส่วน การดำเนินมาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจจากภาครัฐ ตลอดจนความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตทางการเกษตรให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือระดับภูมิภาคในการปรับปรุงคุณภาพอากาศอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม และ (2) การหารือร่วมกับ Mr. Albert Francis Park, Chief Economist and Director General, Economic Research and Development Impact Department, Asian Development Bank (ADB) ในประเด็นเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนมุมมองทางด้านการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนการประยุกต์ใช้แบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์ในการวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะในบริบทของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทั้งหารือถึงความคืบหน้าในการดำเนินการตามกลไกภายใต้มาตรา 6 ของความตกลงปารีส (Paris Agreement) ที่ว่าด้วยแนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และแนวทางการขยายระบบการซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Credit Trading System) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในการหารือครั้งนี้ ยังได้มีการอ้างอิงถึงรายงานที่ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) จัดทำร่วมกับรัฐบาลจีนเพื่อศึกษาระบบซื้อขายการปล่อยมลพิษของประเทศจีน โดยพบว่า แม้ระบบดังกล่าวจะมีผลต่อเศรษฐกิจในระยะแรกค่อนข้างต่ำ แต่ระยะต่อมาจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของตลาดในฐานะกลไกในการส่งเสริมการปรับตัวของภาคธุรกิจและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ นอกจากนี้ ผลการศึกษายังได้เน้นย้ำถึงบทบาทของนโยบายภาครัฐในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงการส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้สามารถปรับตัวและเติบโตอย่างยั่งยืนในบริบทของการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม
 
ภาพ/ข่าว: กองยุทธศาสตร์และการวางแผนการพัฒนาเศรษฐกิจมหภาค