เมื่อวันที่ 31 มีนาคม – 1 เมษายน 2566 ศาสตราจารย์ ดร.สนิท อักษรแก้ว ประธานอนุกรรมการติดตามโครงการภายใต้แผนงานสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก พร้อมด้วย นายเอนก มีมงคล รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม รองศาสตราจารย์ สุชาดา ทิพย์มนตรี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี นายชัยพร นุภักดิ์ เกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี นางวีนัส นาคสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคใต้ และเจ้าหน้าที่สภาพัฒน์ฯ ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อประชุมหารือและรับฟังผลการดำเนินงานโครงการสำคัญเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในระดับพื้นที่ ประกอบด้วย (1) โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด กรณีแปลงใหญ่มะพร้าว ตำบลบางใบไม้ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี (2) โครงการกระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมชุมชนไทย (Community Cultural Product of Thailand : CCPOT) สู่สากล กระทรวงวัฒนธรรม กรณีชุมชนคุณธรรมวัดบางใบไม้ (ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว) ตำบลบางใบไม้ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และ (3) โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) กรณีโครงการพัฒนาถ่านอัดแท่งจากกะลามะพร้าว ตำบลขุนทะเล อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี
คณะอนุกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการยกระดับมะพร้าว ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรอัตลักษณ์และเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยส่วนราชการและภาคีการพัฒนาทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาตลอดห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยเริ่มจากสำนักงานเกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานีส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรในการทำแปลงใหญ่มะพร้าว สร้างความเข้มแข็งด้วยการผลิตที่คุ้มค่าต่อการลงทุน (Economy of scale) โดยพัฒนาองค์ความรู้ การจัดการด้านการตลาด การบริหารจัดการ และต่อยอดในการนำกาบมะพร้าวที่เป็นวัสดุเหลือใช้มาแปรรูปเป็นขุยและใยมะพร้าวเพื่อจำหน่าย สามารถสร้างรายได้ให้กลุ่มฯ เพิ่มขึ้นกว่า 40 เท่า นอกจากนี้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานีส่งเสริมการผลิตน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอาง รวมถึงนำกะลามะพร้าวมาพัฒนายกระดับเป็นผลิตภัณฑ์โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนที่แสดงถึงอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ การพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนแบบใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนส่งเสริมช่องทางการตลาดทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ และการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์กับการท่องเที่ยวชุมชน (ตลาดน้ำประชารัฐบางใบไม้) ในส่วนของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี ได้พัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยใช้หลักการ Circular Economy ในการพัฒนาถ่านจากกะลามะพร้าว และใช้แป้งมันสำปะหลังที่สามารถหาได้ง่ายในชุมชนมาเป็นสารเชื่อมประสานในการอัดแท่ง ซึ่งจะช่วยให้ถ่านอัดแท่งมีความคงตัวสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ประธานอนุกรรมการฯ เห็นว่าพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีควรเป็นพื้นที่ต้นแบบในการบูรณาการเชิงพื้นที่ ที่นำศักยภาพของพื้นที่มาเป็นประเด็นสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา ดำเนินการโดยภาคีการพัฒนาทุกภาคส่วน ก่อให้เกิดการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง ทำให้เห็นถึงการพัฒนาเชิงพื้นที่เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม