Accessibility

Accessibility Options

สศช. เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 2/2568 หารือวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคที่เข้มแข็งและประเด็นการยกระดับการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจในระบบ

          เมื่อวันที่ 12-13 สิงหาคม 2568 สาธารณรัฐเกาหลี ในฐานะเจ้าภาพเอเปคปี 2568 ได้จัดการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (Economic Committee: EC) ครั้งที่ 2/2568 ในห้วงการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค ครั้งที่ 3 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (Third Senior Officials’ Meeting and Related Meetings: SOM3) ณ เมืองอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีนางสาวศศิธร พลัตถเดช รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทยเข้าร่วมประชุมฯ 

          การประชุมเอเปคปี 2568 มีแนวคิดหลักคือ “เสริมสร้างวันพรุ่งนี้ที่ยั่งยืน” (Building a Sustainable Tomorrow) ซึ่งมุ่งเน้นการดำเนินงานใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ความเชื่อมโยง (Connect) การสร้างสรรค์ (Innovate) และความรุ่งเรือง (Prosper) โดย EC มีบทบาทสำคัญในการผลักดันการปฏิรูปเชิงโครงสร้างด้านนโยบายและกฎหมายเพื่อเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง เชื่อมโยง และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในภูมิภาค

          การประชุม EC ครั้งที่ 2/2568 ได้หารือถึงการจัดทำรายงานการทบทวนการดำเนินงานระยะสุดท้ายของการยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค (Enhanced APEC Agenda for Structural Reform: EAASR) ซึ่งเป็นวาระการปฏิรูปโครงสร้างของเอเปคระยะ 5 ปี ในช่วงปี 2564 – 2568 โดยพบความก้าวหน้าในทั้ง 4 เสาหลัก ได้แก่ (1) การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อตลาดที่เปิดกว้าง โปร่งใส และมีความสามารถในการแข่งขัน (2) การส่งเสริมการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจและความสามารถในการตอบสนองแรงกระแทกในอนาคต (3) การสร้างหลักประกันว่าทุกกลุ่มในสังคมการเข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียม เพื่อการเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และ (4) การใช้ประโยชน์จากนวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ และการพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล อย่างไรก็ดี ยังพบข้อจำกัดด้านสภาพแวดล้อมทางกฎระเบียบทางธุรกิจ โดยเฉพาะในภาคการค้าบริการ อาทิ การจำกัดการเข้าสู่ตลาดของต่างชาติ การเคลื่อนย้ายแรงงาน ข้อจำกัดด้านการแข่งขัน และอุปสรรคด้านกฎระเบียบดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งความก้าวหน้ายังมีความแตกต่างระหว่างเขตเศรษฐกิจ รวมถึงยังขาดกลไกติดตามการดำเนินงานและการประสานความร่วมมือกับกลไกอื่น ๆ ของเอเปค

          นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้หารือถึงการจัดทำการยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคที่เข้มแข็ง (Strengthened and Enhanced APEC Agenda for Structural Reform: SEAASR) เพื่อเป็นแผนงานสำหรับการดำเนินงานด้านการปฏิรูปโครงสร้างในช่วงปี 2567 – 2573 ต่อจาก EAASR โดยเน้นการพัฒนากลไกติดตามและประเมินผลที่ชัดเจนและจำเพาะมากขึ้น การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน และการประสานความร่วมมือกับกลไกอื่นของเอเปค รวมทั้งได้ติดตามความคืบหน้าในการจัดทำรายงานนโยบายเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Policy Report: AEPR) ประจำปี 2568 เรื่อง การปฏิรูปโครงสร้างเพื่อยกระดับการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจในระบบ (Structural Reform to Increase Participation in the Formal Economy) ซึ่งมุ่งเน้นการปฏิรูปเชิงโครงสร้างด้านสถาบัน กฎระเบียบ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การส่งเสริมการเข้าถึงตลาดและบริการทางการเงิน เพื่อเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจในระบบ และได้หารือถึงการเตรียมการจัดทำรายงาน APER ประจำปี 2569 เรื่อง การปฏิรูปโครงสร้างและการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Structural Reform and AI-Driven Digital Transformation) เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายและโอกาสในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของภูมิภาค

          นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้รับฟังรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา อาทิ การดำเนินงานภายใต้กลุ่มเพื่อนประธาน (Friend of the Chair: FotC) การจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ การดำเนินการศึกษา และการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ EC อาทิ บทบาทของธรรมภิบาลที่เข้มแข็งในการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง การอนุญาโตุลาการผ่านระบบออนไลน์ ความหลากหลายในมาตรฐานของการรายงานความยั่งยืน และการส่งเสริมเศรษฐกิจของชนพื้นเมือง รวมถึงหารือถึงแนวทางการปฏิรูปโครงสร้างการดำเนินงานและบริหารงานของ EC ในระยะต่อไป

          รองเลขาธิการฯ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทย ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการเติบโตระยะยาวที่ครอบคลุมและยั่งยืน โดยเฉพาะการเพิ่มการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจในระบบซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ไทยยินดีต่อความก้าวหน้าของเขตเศรษฐกิจเอเปคในการลดขนาดเศรษฐกิจนอกระบบ ซึ่งเห็นได้จากสัดส่วนเศรษฐกิจนอกระบบที่ลดลงระหว่างปี 2543–2563 สำหรับประเทศไทยลดลงจากร้อยละ 52.6 เหลือร้อยละ 48.4 อย่างไรก็ตาม ไทยยังคงมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนอกระบบ โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรชายขอบและกลุ่มเปราะบางที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและงานในระบบเพื่อให้เกิดความครอบคลุมอย่างแท้จริง แนวทางของไทยในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจในระบบอยู่บนกรอบการพัฒนาที่ครอบคลุมผ่านแผนพัฒนาทักษะแรงงาน 5 ปี (พ.ศ. 2566–2570) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะแรงงานนอกระบบให้สามารถเข้าสู่การจ้างงานในระบบ นอกจากนี้ ไทยยังสนับสนุนนโยบาย “Thailand Zero Dropout” เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษากลับเข้าสู่ระบบการศึกษาและการฝึกอบรม เพื่อเตรียมความพร้อมด้านทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานและการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจในระยะยาว

          นอกจากนี้ คณะผู้แทน สศช. ยังได้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมเอเปคว่าด้วยแนวปฏิบัติที่ดีในการตรากฎหมาย ครั้งที่ 18 (The 18th APEC Good Regulatory Practice Conference) ซึ่งมุ่งเน้นการปฏิรูปกฎหมายให้มีความเท่าทันต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์และควอนตัมคอมพิวเตอร์ และคำนึงถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์รูปแบบใหม่ทั้งระบบ การประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมเรื่องการบริการและการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง กล่าวถึงการพัฒนากฎระเบียบเพื่อส่งเสริมการค้าภาคบริการที่สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน ซึ่งมีความยืดหยุ่นและความคล่องตัวของแรงงานสูงขึ้น รวมถึงมีการค้าภาคบริการข้ามพรมแดนผ่านอินเตอร์เน็ต และการค้าภาคบริการรูปแบบใหม่ ซึงไม่ตอบสนองต่อกฎระเบียบในปัจจุบัน การประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและทุพพลภาพ แลกเปลี่ยนมุมมองการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก (assistive technology) ผ่านนโยบายภาครัฐและการส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งจำเป็นต้องให้บุคคลทุพพลภาพมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมจากความทุพพลภาพ และการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการใช้ตราสารระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมการค้าทางดิจิทัลทั้งระบบเชิงกฎหมาย มุ่งเน้นการใช้กฎหมายแม่แบบของคณะกรรมาธิการสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ (United Nations Commission on International Trade Law: UNCRITAL) เพื่อส่งเสริมความสอดคล้องของกฎระเบียบเพื่อสนับสนุนการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศ
ติดตามข้อมูลข่าวสารการดำเนินการระหว่างประเทศของ สศช. ได้ทาง https://inter.nesdc.go.th

ข่าว/ภาพ : กองยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ