สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับองค์การยูนิเซฟประเทศไทย (UNICEF Thailand) ได้มีการจัดประชุมเพื่อเผยแพร่รายงานการพัฒนาทุนมนุษย์ในประเทศไทย: การศึกษาช่องว่าง อุปสรรค และทางเลือกเชิงนโยบาย (Human Capital Development in Thailand: An Examination of Gaps and Policy Options) เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 2 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก กรุงเทพฯ
โดยภายในงานได้รับเกียรติจากนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานในการกล่าวต้อนรับและชี้ให้เห็นว่า รายงานการศึกษาที่นำเสนอในการประชุมครั้งนี้ชี้ถึงอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาทุนมนุษย์ของไทย ได้แก่ การขาดงบประมาณและกลไกสนับสนุนกลุ่มเปราะบาง ความเหลื่อมล้ำด้านการเข้าถึงการศึกษาคุณภาพ ระบบการศึกษาไม่ส่งเสริมทักษะจำเป็น และความไม่สอดคล้องระหว่างคุณสมบัติของผู้สำเร็จการศึกษากับความต้องการของตลาดแรงงาน รายงานฉบับนี้จึงเปรียบเสมือนแผนที่นำทางที่ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ เพื่อวางแผนและกำหนดทิศทางการลงทุนในการพัฒนาทุนมนุษย์ของชาติอย่างมีกลยุทธ์ ครอบคลุมทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยเด็ก วัยเรียน ไปจนถึงวัยแรงงาน โดยข้อมูลจากการประชุมจะถูกนำไปใช้ประกอบการยกร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 เพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศต่อไป
นาง Kyungsun Kim ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประจำประเทศไทย (Representative, UNICEF Thailand) และนาย David Daly เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย (Ambassador of the European Union to Thailand) ได้ร่วมกันกล่าวเปิดการประชุม โดยเน้นย้ำว่าการประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญสำหรับการเสวนาที่เปิดกว้างและสร้างสรรค์ โดยมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการเข้าร่วม ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนาทุนมนุษย์ของประเทศไทย หากประเทศไทยนำข้อเสนอแนะจากรายงานไปปรับใช้ จะนำมาซึ่งการเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลทั้งในด้านผลิตภาพ นวัตกรรม และความมั่นคงทางสังคม พร้อมเน้นว่าการลงทุนในทุนมนุษย์ควรควบคู่ไปกับการสนับสนุนทางเทคนิค ความร่วมมือระหว่างภาคส่วน และการสร้างฉันทามติในระดับนโยบาย เพื่อผลักดันการคุ้มครองและขยายการลงทุนทางสังคมสำหรับเด็กและครอบครัวอย่างเป็นรูปธรรม
การประชุมเริ่มด้วยการนำเสนอข้อค้นพบสำคัญโดยนายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เกี่ยวกับข้อค้นพบ พร้อมด้วยข้อเสนอแนะเพื่อรับมือกับความท้าทายและพัฒนาทุนมนุษย์ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มช่วงวัย ดังนี้ (1) ปฐมวัย เด็กจำนวนมากยังประสบภาวะเตี้ยแคระและพัฒนาการล่าช้า โดยเฉพาะในครัวเรือนยากจนและพื้นที่ห่างไกล ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดที่ไม่เพียงพอและการเข้าถึงศูนย์เด็กเล็กที่จำกัด โดยมีข้อเสนอแนะ คือ ควรขยายโครงการเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดให้ครอบคลุมและเพิ่มจำนวนเงินอุดหนุน รวมถึงเพิ่มการเข้าถึงศูนย์เด็กเล็ก โดยลดเกณฑ์อายุที่รับเข้าให้เร็วขึ้น และส่งเสริมนโยบายที่เอื้อให้ผู้ปกครองมีเวลาดูแลเด็กเล็กมากขึ้น (2) วัยเรียน ยังมีปัญหาการขาดทักษะขั้นพื้นฐาน การขาดแคลนครูและอุปกรณ์ อัตราการหลุดออกจากระบบการศึกษาสูง ขณะที่บัณฑิตจบใหม่จำนวนมากทำงานไม่ตรงกับสาขาที่เรียนมา ซึ่งมีสาเหตุมาจากการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เหมาะสม ขาดการสนับสนุนกลุ่มเปราะบาง ขาดประสิทธิภาพในการใช้ฐานข้อมูลตลาดแรงงานเพื่อวางแผนหลักสูตรที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานในปัจจุบัน โดยมีข้อเสนอแนะ คือ ควรปรับงบประมาณและยุบรวมโรงเรียน สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ปลอดภัย ส่งเสริมการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น รวมถึงพัฒนาการใช้ฐานข้อมูลเพื่อจับคู่การศึกษา-อาชีพอย่างแม่นยำ (job matching) และ (3) วัยแรงงาน ยังประสบปัญหาในการเข้าถึงการฝึกอบรมที่ต่ำมาก โดยมีอัตราการเข้าร่วมเพียงร้อยละ 3 ของประชากรวัยทำงาน ขณะเดียวกันหลักสูตรส่วนใหญ่ยังมุ่งเน้นเฉพาะทักษะอาชีพ โดยละเลยการพัฒนาทักษะพื้นฐานที่จำเป็น ซึ่งสาเหตุหลักมาจากข้อจำกัดในการเข้าถึงหลักสูตร และคุณภาพของหลักสูตรที่ยังไม่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานในปัจจุบัน โดยมีข้อเสนอแนะ คือ การสร้างบัญชีการเรียนรู้ (learning account) ที่ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน รวมถึงการปฏิรูประบบจูงใจการสมทบเงินเข้ากองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อส่งเสริมและยกระดับหลักสูตรการอบรมให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานอย่างแท้จริง นอกจากนี้ นายสมชัยฯ ได้เน้นย้ำว่า การมีระบบคุ้มครองทางสังคมที่ครอบคลุมและทั่วถึง คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาการตกหล่นของกลุ่มเปราะบาง ปิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ และทำให้การพัฒนาทุนมนุษย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
จากนั้นได้มีการเสวนาเชิงนโยบายในหัวข้อ “ทุนมนุษย์: รากฐานเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร” โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิร่วมอภิปรายและแลกเปลี่ยนความเห็น ประกอบด้วย (1) ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2) ดร.ปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (3) ดร.เนตรชนก วิภาตะศิลปิน หัวหน้าสายงานด้านการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และกรรมการและเลขานุการมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี (CONNEXT ED FOUNDATION) และ (4) ดร.ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ นักวิชาการและที่ปรึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ทรัพยากรมนุษย์ (การศึกษา) ธนาคารโลกสำนักงานประเทศไทย โดยมีนางสาวณาตยา แวววีรคุปต์ ผู้อำนวยการศูนย์สื่อสารวาระทางสังคมและนโยบายสาธารณะ Thai PBS เป็นผู้ดำเนินรายการเสวนา
ในโอกาสนี้ ดร. ศุภวุฒิ สายเชื้อ กล่าวว่าศักยภาพการผลิตในระยะยาวของประเทศขึ้นอยู่กับปัจจัยอุปทาน 5 ด้าน ได้แก่ ทุน แรงงาน ที่ดิน พลังงาน และเทคโนโลยี ซึ่งประเทศไทยต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยี และทุนมนุษย์ โดยเฉพาะการพัฒนาประชากรวัยเด็กให้มีศักยภาพและผลิตภาพสูง เพื่อรองรับความท้าทายจากจำนวนประชากรวัยทำงานที่ลดลงและจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ดร.ปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ ชี้ว่าภาคราชการกำลังเผชิญความท้าทายด้านการพัฒนาทุนมนุษย์ อาทิ ความไม่สอดคล้องระหว่างสายงานกับวุฒิการศึกษา การขาด Growth Mindset และทักษะที่จำเป็น ซึ่งการพัฒนาทุนมนุษย์ต้องเป็นแบบองค์รวม โดยเชื่อว่า ผู้นำ คือปัจจัยสำคัญที่สุดในการกำหนดทิศทางที่ชัดเจนให้กับองค์กร เพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพและสร้างความเข้าใจร่วมกันในบทบาทหน้าที่ของแต่ละระดับ ดร.เนตรชนก วิภาตะศิลปิน ได้นำเสนอถึงมุมมองภาคเอกชนต่อการพัฒนาทุนมนุษย์ผ่านการใช้ 5 กลยุทธ์ อาทิ เพิ่มความโปร่งใสโดยมีการให้คะแนนโรงเรียน ใช้กลไกตลาดผ่านการระดมทุนและนำผู้นำรุ่นใหม่มาช่วยพัฒนาโรงเรียนผู้อำนวยการและครูที่มีคุณภาพสูง หลักสูตรที่เน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเน้นย้ำว่าทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนร่วม ในการช่วยกันพัฒนาทุนมนุษย์ของประเทศ ท้ายที่สุด ดร.ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ ได้เน้นย้ำถึงปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการยกระดับคะแนน PISA มากที่สุดของประเทศไทยคือ การปฏิรูปหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะการสอนที่เน้นการใช้เหตุผลทางคณิตศาสตร์และการเชื่อมโยงแนวคิดกับชีวิตประจำวัน (active learning) และการจัดระเบียบวินัยในห้องเรียน (classroom disciplinary climate) นอกจากนี้ การจัดสรรทรัพยากรครูให้เพียงพอ และการแก้ปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียนก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา
>>>คลิกอ่านรายงานฉบับเต็ม<<<
ข่าว : กองยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสังคม (กมส.)
ภาพ : จักรพงศ์ สวภาพมงคล