"เลขาธิการ สศช." เปิดงาน "สภาพัฒน์ 70 ปี” มั่นใจก้าวเป็นองค์กรร้อยปี พร้อมปรับตัวรับโลกยุคใหม่ มุ่งทำงานเป็นทีม-ข้ามสายงาน
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันครบรอบการสถาปนา 70 ปี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยช่วงเช้าในการประกอบพิธีทางศาสนา สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคคฺชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ได้เป็นประธานในประกอบพิธีและแสดงสัมโมทนียกถาอันเป็นเป็นสิริมงคลยิ่งต่อ สศช. ให้เกียรติร่วมงาน
จากนั้นเป็นพิธีมอบโล่แก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นของ สศช. 2 คน ได้แก่ นางปิยะวรรณ วรรณสวาท นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ ฝ่ายการเจ้าหน้าที่ และ นายเสกสรร ไทยสุวรรณ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งพิธีมอบทุนการศึกษา และการแข่งขันกีฬา ซึ่งมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สศช. ร่วมงานอย่างพร้อมเพรียงกัน
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน เลขาธิการ สศช. ประธานในพิธีเปิดงานเลี้ยงสังสรรค์วันครบรอบการสถาปนา 70 ปี "สภาพัฒน์ 70 ปี # สูงวัย แต่ใจสู้" ได้กล่าวกล่าวเปิดงานความตอนหนึ่งว่า สศช. ของเราก้าวหน้ามาถึงปีที่ 70 เป็นองค์กรที่มีความสำคัญและจะก้าวไปเป็นองค์กรร้อยปี ซึ่งในประเทศไทยมีเพียงไม่กี่หน่วยงาน โดยองค์กรที่จะเป็นองค์กรร้อยปีได้ จะต้องมีวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งเช่นเดียวกับ สศช. ตนรู้สึกดีใจที่ได้มาทำงานที่ สศช. เป็นเวลาเกือบ 2 ปี ได้สัมผัสจากการทำงานว่าทุกคนเป็นคนดี ขยันขันแข็ง ตั้งใจทำงาน มีความเป็นวิชาชีพ นี่คือความดีที่เราต้องรักษาไว้ อย่างไรก็ดี เพื่อจะก้าวเป็นองค์กรร้อยปี เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการทำงานให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยตนพยายามเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรของ สศช. ให้รองรับกับโลกสมัยใหม่ คือมีการทำงานเป็นทีมและข้ามสายงานมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าถ้าทุกคนมีความสามัคคีในการจัดงานรื่นเริงได้ ก็จะทำให้เราทำงานของบ้านเมืองได้สำเร็จ นำพา สศช. เป็นองค์กรร้อยปีที่มีความเข้มแข็ง เป็นเสาหลักของบ้านเมืองต่อไปได้เช่นกัน
เลขาธิการ สศช. กล่าวต่อว่า ขอขอบคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สศช. ทุกคนที่ได้ร่วมกันจัดงานรำลึกวันสถาปนา70 ปีสภาพัฒน์ ขอแสดงความยินดีกับข้าราชการดีเด่นที่ได้รับรางวัล บุตรของผู้ที่ได้รับทุนการศึกษา ผู้ชนะการแข่งขันกีฬาทุกประเภท รวมถึงผู้ชนะการประกวดการแต่งกายยุคดิสโก้ที่น่าจะสร้างความตื่นตาตื่นใจ สุดท้ายนี้ ขออัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายโปรดอำนวยพรให้คณะผู้บริหาร ศิษย์เก่า และประชาคมชาวสภาพัฒน์ ประสบแต่ความสุขความเจริญ ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างสรรค์สภาพัฒน์โฉมใหม่ นำพาองค์กรเป็นคลังสมองของประเทศอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า "สภาพัฒน์" หรือ"สภาพัฒนาฯ" นั้น เป็นส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2493 โดยในระยะแรกใช้ชื่อว่า "สภาเศรษฐกิจแห่งชาติ" มีหน้าที่เสนอความเห็นและคำแนะนำตลอดจนข้อชี้แจงต่อรัฐบาลในเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศ และมี "สำนักงานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการและปฏิบัติงานธุรการต่างๆ ให้แก่ สภาเศรษฐกิจแห่งชาติ
หลังจากนั้น ในปี 2502 คณะผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลกได้เสนอแนะให้สำนักงานฯ ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางสำหรับการวางแผนพัฒนาประเทศขึ้นเป็นการเฉพาะ ทางสำนักงาน จึงได้ปรับโครงสร้างการทำงานและเปลี่ยนชื่อของหน่วยงานใหม่เป็น "สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ" และในปี 2515 ได้มีการนำกระบวนการวางแผนพัฒนาสังคมเข้ามาใช้ควบคู่กับการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง จึงทำให้ทางสำนักงานฯ ได้มีการเปลี่ยนชื่อหน่วยงานอีกครั้งหนึ่ง เป็น "สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ"
ต่อมา ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าด้วยเรื่อง พระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2561 เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2561 ทางสำนักงานจึงได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น "สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ" ตลอดจนมีภารกิจหน้าที่และบทบาทหน้าที่ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ ที่ให้อำนาจสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการจัดทำ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของ หน่วยงานของรัฐ และประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคประชาสังคม เพื่อให้สอดคล้องและบูรณาการกับยุทธศาสตร์ชาติรวมทั้งแผนการพัฒนาประเทศในระดับต่างๆ ของประเทศ
ข่าว : กุลนันทน์ ยอดเพ็ชร / ธนเทพ ปลายแก่น
ภาพ : เมฐติญา วงศ์ภักดี / ปราณี ขวัญเกิด / ธนเทพ ปลายแก่น
|