ข่าวสาร
ข่าวสาร/กิจกรรม
ทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
วันที่ 27 ก.ย. 2561
วันนี้ (27 กันยายน 2561) พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมและแสดงปาฐกถาพิเศษในการประชุมประจำปี 2561 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เรื่อง "ยุทธศาสตร์ชาติ อนาคตไทย อนาคตเรา” ณ ห้องแกรนด์ไดมอนด์บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี

ขับเคลื่อนประเทศไทยตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ดร.ทศพร  ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวรายงานว่า สำนักงานฯ ได้จัดการประชุมใหญ่ทางวิชาการขึ้นทุกปี เพื่อนำเสนอและรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนของสังคม ในเรื่องที่สำนักงานฯ เห็นว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ สำหรับการประชุมในปีนี้จัดขึ้นในหัวข้อเรื่อง "ยุทธศาสตร์ชาติ อนาคตไทย อนาคตเรา” มีวัตถุประสงค์มุ่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจในแนวคิดและสาระสำคัญของยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ให้กับภาคีการพัฒนา รวมถึงระดมความเห็นร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางการจัดทำร่างแผนแม่บทเพื่อขับเคลื่อนประเด็นการพัฒนาสำคัญในมิติต่างๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

สำหรับการประชุมในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 2,500 คน เป็นตัวแทนจากทุกภาคส่วนในสังคมไทยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้นำชุมชน ผู้แทนจากภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป 

การประชุมในภาคเช้า เริ่มด้วย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุมและแสดงปาฐกถาพิเศษ เพื่อเป็นการจุดประกายความคิดที่สำคัญในเรื่องการพัฒนาประเทศสู่อนาคต ก่อนที่จะเป็นการการนำเสนอและรับฟังความคิดเห็นในหัวข้อ "ยุทธศาสตร์ชาติ อนาคตไทย อนาคตเรา” โดย  ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการ สศช. ในประเด็นกรอบแนวคิดและสาระสำคัญของยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี และแผนการปฏิรูปประเทศ การจัดทำร่างแผนแม่บท และแนวทางการขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ จากนั้นจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากที่ประชุม 

สำหรับในช่วงบ่าย จะเป็นประชุมกลุ่มย่อย ซึ่งจะมีการนำเสนอแนวทางการจัดทำร่างแผนแม่บท และเปิดโอกาสให้ที่ประชุมวิพากษ์การจัดทำร่างแผนแม่บทเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติแต่ละด้าน โดยแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ด้านความมั่นคง กลุ่มที่ 2 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน กลุ่มที่ 3 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ กลุ่มที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม กลุ่มที่ 5 ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มที่ 6 ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ

นิทรรศการฉายภาพอนาคตประเทศไทย  
นอกจากนี้ สศช. ยังได้จัดนิทรรศการ เพื่อฉายภาพการพัฒนาประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้เกียรติเยี่ยมชมภายหลังการกล่าวปาฐกถาพิเศษ โดย สศช. ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนรวม 5 แห่งร่วมจัดนิทรรศการในครั้งนี้ ได้แก่ กระทรวงคมนาคม เรื่อง "อนาคตคมนาคม สู่อนาคตของชาติ” กระทรวงวัฒนธรรม เรื่อง "ปฏิบัติการถ้ำหลวง  วาระแห่งโลก” กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง "การดำเนินงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ตามภารกิจที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี” บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เรื่อง "เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน” บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เรื่อง "การทำงานของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กับคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ” และ สศช. เรื่อง "ยุทธศาสตร์ชาติ อนาคตไทย อนาคตเรา”

6 ยุทธศาสตร์ เพื่ออนาคตของคนไทย  
การพัฒนาประเทศในช่วงระยะเวลาของยุทธศาสตร์ชาติ มีเป้าหมายให้ "ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สังคมเป็นธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืน” โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในรูปแบบ"ประชารัฐ” ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้   

ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง เน้นรักษาบ้านเมืองให้เกิดความสงบสุข ป้องกันแก้ไขปัญหาความมั่นคงที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาและเสริมสร้างทุกภาคส่วนให้มีความเข้มแข็ง โดยร่วมมือกับประเทศอาเซียน เพื่อให้ไทยอยู่ดี กินดี มีความสุขติด 1 ใน 10 อันดับแรกของโลก บ้านเมืองมีความมั่นคงและปลอดภัยในทุกด้าน ทุกระดับ ด้วยกลไกการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการทั้งกับส่วนราชการ ภาคเอกชน ประชาสังคม และองค์กรที่ไม่ใช่รัฐ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านและมิตรประเทศทั่วโลกบนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล เพื่อเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อการดำเนินการของยุทธศาสตร์ชาติด้านอื่นๆ ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ตามทิศทางและเป้าหมายที่กำหนด

ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน เน้นให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขัน เป็นมหาอำนาจทางการเกษตร บนพื้นฐานแนวคิด 3 ประการ ได้แก่ (1) "ต่อยอดอดีต” จากอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และจุดเด่นทางทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย รวมทั้งความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ นำมาประยุกต์ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้สอดรับกับบริบทของเศรษฐกิจ และสังคมโลกสมัยใหม่ (2) "ปรับปัจจุบัน” เพื่อปูทางสู่อนาคต ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ ประเทศในมิติต่าง ๆ ทั้งโครงข่ายระบบคมนาคมและขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และดิจิทัล และการปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการอนาคต และ (3) "สร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต” ด้วยการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ พัฒนาคนรุ่นใหม่และรูปแบบธุรกิจ 
เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด เป็นแม่เหล็กการท่องเที่ยวระดับโลก มีการคมนาคมที่พาคนไทยเชื่อมไปทั่วโลก โดยมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และคนไทยมีรายได้ต่อหัวเพิ่มมากขึ้น 

ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ คนไทยทุกคนได้รับการพัฒนาในทุกมิติ ทุกช่วงวัย ในสภาพแวดล้อมที่ดีตลอดช่วงชีวิต ให้เป็นคนดีเก่ง และมีคุณภาพ มีจิตสำนึกร่วมกันในการสร้างสังคมที่น่าอยู่ มีสุขภาวะที่ดี ทั้งด้านกาย ใจ และสติปัญญา รวมทั้งได้รับการเสริมสร้างศักยภาพทางกีฬา ปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม ด้วยการร่วมมือกันของครอบครัว ชุมชน ศาสนา การศึกษา และสื่อ ปฏิรูปวิธีการเรียนรู้ ตระหนักถึงความสามารถที่หลากหลายและแตกต่างกันของทุกคน ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนา สู่การเป็นคนไทยที่มีทักษะสูง เป็นนวัตกรและนักคิด มีสัมมาชีพตามความถนัดของตน

ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มความเสมอภาคระหว่างคนรวยและคนจน โดยรัฐให้หลักประกันการเข้าถึงบริการและ สวัสดิการที่มีคุณภาพอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการจัดการตนเอง โดยคนไทยทุกคนมีโอกาสได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ดึงพลังทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนพัฒนาประเทศโดยการสนับสนุนการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำเพื่อส่วนรวม ชุนชนท้องถิ่นมีความสามารถในการพัฒนา พึ่งพาและจัดการตัวเองได้ ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าหมายเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยที่รายได้ของกลุ่มคนรวยสุดและกลุ่มคนจนสุดต่างกันไม่เกิน 15 เท่า และมีจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางพัฒนาความเจริญ
ไม่น้อยกว่า 15 จังหวัด เป็นต้น

ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นยุทธศาสตร์ที่มีหัวใจสำคัญคือ "เติบโต สมดุล ยั่งยืน” และความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างกันทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างบูรณาการ ใช้พื้นที่เป็นตัวตั้งในการกำหนดกลยุทธ์และแผนงาน บนพื้นฐานการเติบโตร่วมกันบนความ "สมดุล” ของเศรษฐกิจสีเขียว สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิต ที่นำสู่ความยั่งยืน เพื่อคนรุ่นใหม่ต่อไปอย่างแท้จริง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้เป้าหมายการอนุรักษ์และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก และฟื้นฟู นั่นหมายความว่า เราจะได้สูดอากาศที่ดีต่อร่างกายมากขึ้น

ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ให้ความสำคัญกับการให้บริการด้วยหลัก "ภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชน และประโยชน์ส่วนรวม” ที่ยึดความต้องการของประชาชน ด้วยความสะดวกรวดเร็ว ทันสมัย จากบุคลากรภาครัฐ ที่ทำงานเพื่อประชาชน ยึดมั่นในคุณธรรมซื่อสัตย์ สุจริต ปลอดคอร์รัปชัน รวมทั้งปรับภาครัฐให้เป็นระบบดิจิทัล เปิดกว้าง เชื่อมโยงถึงกัน เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญในส่วนของการปรับกฎหมายให้มีเท่าที่จำเป็น และให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน เป็นสากล และไม่เลือกปฏิบัติ

แผนแม่บทนำยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ
เลขาธิการฯ กล่าวว่า เนื่องจากยุทธศาสตร์ชาติมีกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน 20 ปี และพระราชบัญญัติการจัดทํายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560 ได้กำหนดว่าหลังจากจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเสร็จแล้ว จะต้องมีการจัดทำแผนแม่บท ตัวแผนแม่บทก็จะนำยุทธศาสตร์ในแต่ละยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้านมาถ่ายทอดออกมาเป็นแผนแม่บทด้านต่าง ๆ ในแต่ละยุทธศาสตร์ก็อาจจะมีแผนแม่บทประมาณ 4 - 5 ด้าน เพื่อที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติ โดยแผนแม่บทจะต้องมีการกำหนดเป้าหมายที่มีความชัดเจน และในแต่ละเป้าหมายก็ต้องมีการกำหนดแผนงานย่อยและโครงการที่จะดำเนินการในทุกช่วง 5 ปี ตามช่วงเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดังนั้น ช่วงแรก 5 ปีที่หนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก็จะครอบคลุมระยะเวลา 2561 – 2565 ระยะที่ 2 คือปี 2566 – 2570 เป็นต้น  

ดังนั้น แผนแม่บท 5 ปีจะถอดออกมาจากยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีแผนแม่บทรวมประมาณ 36 – 37 แผน และในแผนแม่บทจะมีแผนย่อย ๆ และโครงการต่าง ๆ จะอยู่ใต้แผนแม่บทดังกล่าวนี้ โดยรัฐบาลมีความคาดหวังว่าแผนแม่บทและโครงการภายใต้แผนแม่บท จะนำไปใช้เป็นคำของบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 2563 ซึ่งในระบบราชการจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปลายปีนี้ หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่การขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติต่อไป ระหว่างนี้จึงได้เตรียมการจัดทำร่างแผนแม่บทไว้ล่วงหน้า

ยุทธศาสตร์ชาติ จึงเป็นการตั้งเป้าหมายใหญ่ให้ชัดเจน ให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในอีก 20 ปี และมีแผนอื่นๆ ที่มาช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ อาทิ แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนความมั่นคง และแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีทิศทางการพัฒนาเป็นไปในทางเดียวกันเพื่อความสำเร็จและความก้าวหน้าของคนไทยและประเทศไทย 

ขอเชิญชวนประชาชนร่วมแสดงความเห็นในการจัดทำร่างแผนแม่บท
ดังนั้น ต้องใช้ความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน เข้ามาเป็นหุ้นส่วนในการขับเคลื่อนร่วมกันตามบริบทของตนเอง และมุ่งไปยังเป้าหมายเดียวกัน ประเทศจึงจะสามารถก้าวข้ามไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว 

สศช. จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมแสดงความเห็นในการจัดทำร่างแผนแม่บทด้านต่าง ๆ ในช่วงของการจัดทำแผนแม่บทระหว่างนี้จนถึงเดือนตุลาคมจนถึงต้นพฤศจิกายน 2561 จะเปิดรับฟังความคิดเห็นเป็นระยะ ๆ ในยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน และร่างแผนแม่บทที่เกี่ยวข้องด้วย หรือสามารถแสดงความเห็นเข้ามาทางเว็บไซต์และเฟซบุ๊กของ สศช. ที่เปิดเป็นเวทีให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้ตลอดเวลา

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 962 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
โทรศัพท์ : 02-2804085 (40 คู่สาย) แฟกซ์ : 0-2281-3938 E-mail : pr@nesdc.go.th , webmaster@nesdc.go.th
นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์