เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และข้อเสนอการปรับโครงสร้างของ สศช.
มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการของร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ซึ่งมีวัตถุประสงค์ของการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. 3 ประการ ได้แก่ (1) การผลักดันให้ สศช. เป็นองค์กรคลังสมอง (Excellent Think Tank) ของรัฐบาลในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ (2) การพัฒนารูปแบบและกลไกขององค์กรที่สามารถผลิตงานศึกษาวิจัยเชิงลึก (Generate New Knowledge) และเชื่อมโยงองค์ความรู้กับหน่วยงานอื่นทั้งในและต่างประเทศ และ (3) การกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการที่ส่งเสริมการรักษาความเป็นอิสระในการดำเนินภารกิจต่างๆ อาทิ การจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการ สศช.
2. เห็นชอบข้อเสนอการปรับโครงสร้างของ สศช. แบ่งเป็น 20 กอง/สำนัก/ศูนย์ โดยเป็นกองที่ขอจัดตั้งใหม่ 4 กอง เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของ สศช. ได้แก่ (1) กองยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ (2) กองยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง (3) กองยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ (4) ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ และมีหน่วยงานขึ้นตรงต่อเลขาธิการฯ จำนวน 3 หน่วยงาน ได้แก่ กลุ่มตรวจสอบภายใน กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต โดยได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของ 4 กองใหม่ รวมทั้งปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของกองเดิม 16 กอง เพื่อรองรับบริบทการพัฒนาประเทศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และภารกิจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศตามนโยบายรัฐบาล
3. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ สศช. พ.ศ. ..... ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาระบบบราชการ (ก.พ.ร.) มีมติเห็นชอบแล้วเช่นกัน โดยปัจจุบัน สศช. อยู่ระหว่างส่งเรื่องดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างฯ
สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติและกฎกระทรวง ครม. ได้มีมติให้แก้ไขคำนิยาม "การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม” เพื่อให้ครอบคลุมการเพิ่มผลิตภาพและการใช้การพัฒนานวัตกรรมในทุกด้านและทุกระดับจากการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ปรับปรุงองค์ประกอบ วาระและการพ้นตำแหน่งของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (กก.สศช.) โดยเปลี่ยนกรรมการโดยตำแหน่ง 1 ตำแหน่ง จากผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจการคลัง เป็นปลัดกระทรวงการคลัง เพิ่มกรรมการโดยตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง ได้แก่ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของ กก.สศช. คราวละไม่เกิน 4 ปี ไม่เกิน 2 วาระ
นอกจากนี้ ให้ปรับปรุงหน้าที่ของ กก.สศช. และ สศช. ให้ครอบคลุมภารกิจงานด้านยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ โดย สศช. จะดำเนินการเฉพาะภารกิจที่สนับสนุนการวางแผนนโยบายระดับชาติเป็นหลัก และถ่ายโอนภารกิจระดับปฏิบัติการในเรื่องที่เกี่ยวกับรายจ่ายประจำปีของรัฐวิสาหกิจไปยังหน่วยงานอื่น รวมทั้งกำหนดให้ สศช. สามารถจ้างบุคคล สถาบันการศึกษา หรือสถาบันที่มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาวิจัย เพื่อดำเนินการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ภายใต้ระเบียบที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
ข่าว : พุทธิดา เชี่ยวชาญพานิชย์
ภาพ : ทำเนียบรัฐบาล
|