ข่าวสาร
ข่าวสาร/กิจกรรม
คณะกรรมการปฏิรูปด้านพลังงาน ชูโรดแมปปฏิรูป 6 ด้าน ครอบคลุม 17 ประเด็น
วันที่ 19 ม.ค. 2561
คณะกรรมการปฏิรูปด้านพลังงาน ชูโรดแมปปฏิรูป 6 ด้าน ครอบคลุม 17 ประเด็นมั่นใจ "สร้างธรรมาภิบาล เสริมฐานความเข้มแข็ง หนุนแข่งขันด้านพลังงานทดแทน ขึ้นแท่นเทคโนโลยีใหม่ก้าวไกลอนุรักษ์พลังงาน บนพื้นฐานการยอมรับและการมีส่วนร่วมของประชาชน”

นายพรชัย รุจิประภา ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานพร้อมคณะกรรมการฯ แถลง ความก้าวหน้าและสาระสำคัญของแนวทางการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน หรือโรดแมปการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานในระยะเวลา 5 ปี  (พ.ศ. 2561 – 2565) โดยจากการศึกษาของคณะกรรมการฯ จะดำเนินการปฏิรูปใน
6 ด้าน ครอบคลุม 17 ประเด็นด้านนโยบายพลังงานของประเทศ  ซึ่งเบื้องต้นมั่นใจว่าแนวทางการปฏิรูป ฯ ดังกล่าว จะสร้างผลประโยชน์ด้านพลังงานที่ประชาชนและประเทศจะได้รับอย่างแท้จริง และการดำเนินงานจะอยู่บนพื้นฐานที่ประชาชนทุกภาคส่วนยอมรับ พร้อมด้วยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ รายละเอียดสำคัญของการปฏิรูปด้านพลังงานทั้ง 6 ด้าน มีดังนี้ 

1. สร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการพลังงานของประเทศ ปฏิรูปใน 3 ประเด็น ได้แก่
(1) ปฏิรูปองค์กรด้านพลังงานเพื่อให้มีองค์กรที่สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ (2) พัฒนาศูนย์สารสนเทศพลังงานแห่งชาติเพื่อให้มีฐานข้อมูลด้านพลังงานที่ทันสมัย ถูกต้อง ได้รับความเชื่อถือ และ (3) สร้าง
ธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชนและผู้ประกอบการอย่างเท่าเทียมกันเพื่อนำไปสู่การลดข้อขัดแย้งในสังคมและนำไปสู่การยอมรับของประชาชนในนโยบายพลังงานและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศ

2. พัฒนาด้านไฟฟ้าเพื่อรักษาเสถียรภาพและสร้างความมั่นคงพลังงานประเทศ ปฏิรูปใน
3 ประเด็น คือ (1) ปรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ที่คํานึงถึงความสมดุลรายภาค และเพิ่มความมั่นคงของระบบไฟฟ้าสำหรับจุดที่มีความเสี่ยงและมีความสำคัญต่อประเทศ (2) ส่งเสริมการแข่งขันในกิจการไฟฟ้า และส่งเสริมกิจการไฟฟ้าเสรีที่ใช้พลังงานทดแทนที่ผลิตและซื้อขายไฟฟ้ากันเองภายในชุมชน และ (3) ปรับโครงสร้างการบริหารกิจการไฟฟ้าโดยบูรณาการหน่วยงานกิจการไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการไฟฟ้าและ
การลงทุนของประเทศ

3. ด้านปิโตรเลียมและปิโตรเคมีมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติและสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่จากปิโตรเคมี ปฏิรูปใน 2 ประเด็น อาทิ (1) ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติ
โดยสร้างโอกาสให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้า LNG ของภูมิภาค และส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ และ (2) การพัฒนาปิโตรเคมี ระยะที่ 4  เพื่อสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจากฐานการผลิตปัจจุบันในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก รวมถึงการกำหนดพื้นที่ใหม่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรม
ปิโตรเคมีระยะยาวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันประเทศ

4. สนับสนุนพลังงานทดแทนเพื่อส่งเสริมการแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ปฏิรูปใน
4 ประเด็น ประกอบด้วย (1) ปฏิรูประบบบริหารจัดการเชื้อเพลิงไม้โตเร็วสำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวล (2) ส่งเสริมการนำขยะไปเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้า (3) ส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี และ (4) ปฏิรูปโครงสร้างการใช้พลังงานภาคขนส่งเพื่อสร้างกรอบและโครงสร้างการใช้พลังงานภาคขนส่งที่เหมาะสมกับประเทศ อันนำไปสู่
การกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องทั้งด้านเกษตร การลงทุนอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพ โรงกลั่น และยานยนต์

5. อนุรักษ์และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุนพลังงานของประเทศ ปฏิรูปใน
3 ประเด็น คือ (1) ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในกลุ่มอุตสาหกรรม (2) การใช้ข้อบัญญัติเกณฑ์มาตรฐานอาคารด้านพลังงาน (Building Energy Code: BEC) และ (3) การใช้มาตรการบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) สำหรับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าในกลุ่มอุตสาหกรรม และเพื่อลดการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรม และอาคารภาครัฐให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด

6. กำหนดทิศทางการพัฒนา การลงทุน และการใช้เทคโนโลยีใหม่ในการพัฒนาด้านพลังงานของประเทศ ปฏิรูปใน 2 ประเด็น เช่น (1) การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และ (2) การส่งเสริมเทคโนโลยีระบบการกักเก็บพลังงานเพื่อส่งเสริมให้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้ในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศ เพื่อให้การผลิตและการใช้พลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

ทั้งนี้ นายมนูญ ศิริวรรณ หนึ่งในกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน กล่าวเสริมว่า "แนวทางการปฏิรูปฯ ดังกล่าว หากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการฯ เชื่อว่า
แนวทางการพัฒนาด้านพลังงานของประเทศจะเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น โดยจากโรดแมปทั้ง 6 ด้าน 17 ประเด็นเบื้องต้นคาดว่าจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนที่สำคัญ” ดังนี้ 

ระยะสั้น ปี 2561-2562 จะมีศูนย์บริการแบบครบวงจร หรือ One Stop Service ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและธุรกิจไฟฟ้าพร้อมเกิดศูนย์สารสนเทศพลังงานแห่งชาติ  ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตพื้นที่การตั้งโรงไฟฟ้าจะเกิดจากประชาชนเสนอเองเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งเกิดการปรับแผนการจัดหาพลังงานใหม่ทั้งไฟฟ้า
ก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน มีการปรับโครงสร้างบริหารกิจการไฟฟ้าและส่งเสริมกิจการไฟฟ้าเสรีที่ใช้พลังงานทดแทน มีการริเริ่มการสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ของประเทศจากปิโตรเคมี และรัฐบาลสามารถกำหนดทิศทางลงทุนและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานที่ได้รับการยอมรับจากผู้ลงทุน  

ระยะกลาง ปี 2563-2565 การบริหารจัดการด้านพลังงานมีธรรมาภิบาลได้รับการยอมรับจากประชาชน ลดการผูกขาด สร้างการแข่งขันในทุกกิจการพลังงาน ประชาชนเข้าถึงการใช้พลังงานในราคาที่เป็นธรรม โดยได้รับคุณภาพและการบริการที่ดีขึ้น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นไปตามแผนการจัดหาที่ปรับปรุงใหม่
ทั้งโรงไฟฟ้า สายส่ง และระบบท่อ มีการลงทุนด้านพลังงานทั้งพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมใหม่ อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงาน อันนำไปสู่มูลค่าการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2-3 แสนล้านบาท และจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถของประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ ตลอดจนสามารถสร้างงาน สร้างรายได้
ส่งผลต่อการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน

ในส่วนขั้นตอนการดำเนินงาน นายกวิน ทังสุพานิช กรรมการและเลขานุการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน กล่าวถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานในปัจจุบันว่า "คณะกรรมการฯ ได้จัดทำร่างแผนการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานแล้วเสร็จ และอยู่ในขั้นตอนการนำเสนอต่อที่ประชุมร่วมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในเดือนมกราคม 2561 นี้ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่างแผนปฏิรูปประเทศภายในเดือนมีนาคม 2561 และรายงานต่อรัฐสภาเพื่อทราบและประกาศบังคับใช้ภายในเดือนเมษายน 2561 ต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนและผู้สนใจสามารถให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ได้ที่ Thaienergyreform2017@gmail.com หรือทางไปรษณีย์ถึง "สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน)” เลขที่ 962 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จังหวัดกรุงเทพฯ 10100 หรือที่เว็บไซต์ www.nesdb.go.th”


สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 962 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
โทรศัพท์ : 02-2804085 (40 คู่สาย) แฟกซ์ : 0-2281-3938 E-mail : pr@nesdc.go.th , webmaster@nesdc.go.th
นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์