ข่าวสาร/กิจกรรม
สภาพัฒน์จัดประชุมประจำปี 2560 "ขับเคลื่อนแผนฯ 12 สู่อนาคตประเทศไทย" 3 ก.ค. นี้
วันที่ 28 มิ.ย. 2560
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กำหนดจัดการประชุมประจำปี 2560 เรื่อง "ขับเคลื่อนแผนฯ 12 สู่อนาคตประเทศไทย” ณ ห้องแกรนด์ไดมอนด์บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและ
การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี โดยได้รับเกียรติจากพลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 
เป็นประธานเปิดการประชุมและแสดงปาฐกถาพิเศษ

ดร.ปรเมธี  วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กำหนดจัดการประชุมประจำปี 2560 เรื่อง "ขับเคลื่อนแผนฯ 12 สู่อนาคตประเทศไทย” ในวันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2560 เวลา 9.00-17.00 น. ณ ห้องแกรนด์ไดมอนด์บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เพื่อนำเสนอประเด็นการพัฒนาหลักภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) และแนวทาง/กลไกการขับเคลื่อนสู่ระดับปฏิบัติในมิติต่างๆ เพื่อวางรากฐานที่แข็งแกร่งของประเทศในช่วงระยะ 5 ปีแรกของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี 

นอกจากนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคีการพัฒนาจากทุกภาคส่วนของสังคมได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางและกลไกในการขับเคลื่อนแผนฯ 12 ในมิติต่างๆ ไปสู่การปฏิบัติ และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับหน่วยงานรับผิดชอบ ทั้งในภาครัฐ เอกชน และสาธารณชนถึงความเชื่อมโยงของกรอบแนวคิดต่างๆ ของการพัฒนาประเทศไทย และกลไกการขับเคลื่อนการพัฒนาในบริบทของการบริหารราชการแผ่นดินในปัจจุบัน อาทิ เป้าหมาย
การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และ Thailand 4.0 ทั้งนี้ เพื่อให้การขับเคลื่อนในระดับการปฏิบัติเกิดการบูรณาการที่สัมฤทธิ์ผล และมีเป้าหมายตัวชี้วัดที่สอดคล้องกัน 

อนาคตที่ต้องเผชิญ กำจัดจุดอ่อน แก้ปัญหาให้ตรงจุด พร้อมวางรากฐานการพัฒนาอย่างจริงจัง  
จากสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดสิ่งที่ต้องเผชิญในอนาคต ได้แก่ เทคโนโลยีจะพลิกโฉมในทุกด้าน เกิดเศรษฐกิจและสังคมโลกโฉมใหม่ การดำเนินชีวิตและคุณภาพชีวิตจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทรัพยากรมีจำกัด กฎเกณฑ์การดูแลสิ่งแวดล้อมเข้มงวด และมี SDGs เป็นเป้าหมายที่ต้องยึดเป็นแนวทางปฏิบัติให้บรรลุผล โลกมีความเสี่ยงจากภัยรูปแบบใหม่ที่หลากหลายภายใต้โลกไร้พรมแดน มีความเสี่ยงเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร น้ำ และพลังงาน ที่เกิดจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงผันผวน ประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น ต้องใช้เทคโนโลยีและกฎระเบียบในการบริหารจัดการ เกิดการหลั่งไหลและเคลื่อนย้ายของสินค้า บริการ คน องค์ความรู้และข้อมูลข่าวสารอย่างเสรี การแข่งขันรุนแรงขึ้น ต้องแข่งขันกันด้วยคนคุณภาพ ประสิทธิภาพ สร้างสรรค์และนวัตกรรม ประชาคมอาเซียนและอนุภูมิภาคไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีความร่วมมือใกล้ชิด ไทยใช้และได้ประโยชน์จากการเป็นประตูสู่เอเชีย  สังคมไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์ปี 2564 สังคมสูงวัยสุดยอดปี 2579 ประชากรไทยจะลดลงตั้งแต่ปี 2570 กลุ่มเด็กและวัยแรงงานลดลง เป็นความเสี่ยงด้านการคลัง การออม ศักยภาพทางเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตในสังคม ประชาชนจะเป็นผู้กำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศ โดยรัฐจะเป็นผู้อำนวยความสะดวก 

ด้วยเหตุนี้ การพัฒนาประเทศไทยสู่อนาคตอย่างมีทิศทาง จำเป็นที่จะต้องแก้ปัญหาและกำจัดจุดอ่อน
ของประเทศอย่างจริงจัง แก้ปัญหาพื้นฐานสำคัญให้ตรงจุด และวางรากฐานการพัฒนาประเทศที่ต้องทำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ได้แก่ คุณภาพคน ที่ขาดความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่จะสร้างคุณค่าของงาน ขาดวินัย และการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุและผล มีวิกฤติค่านิยมและพฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม มีปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ กำลังคน ขาดแคลนประชากรวัยแรงงาน และเข้าสังคมผู้สูงวัยอย่างรวดเร็ว  สังคม มีความเหลื่อมล้ำสูงทั้งรายได้ การเข้าถึงทรัพยากร คุณภาพการบริการทางสังคม และกระบวนการยุติธรรม  เศรษฐกิจ ประเทศไทยเป็นเพียงผู้ซื้อและใช้นวัตกรรม การวิจัยและพัฒนามีน้อย ขาดการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง  ทรัพยากรธรรมชาติ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง ไม่คำนึงถึงผลกระทบในระยะยาว  ภาครัฐ มีขนาดใหญ่ การบริหารจัดการขาดประสิทธิภาพ ข าดความโปร่งใส ขาดการรับผิดรับชอบ และมีปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นวงกว้าง 

6 ประเด็นขับเคลื่อนที่มีความสำคัญเร่งด่วน เพื่อคนไทยกินดี อยู่ดี มีสุข

ในการประชุมประจำปี 2560 ของ สศช. จึงกำหนด 6 ประเด็นการขับเคลื่อนการพัฒนาที่มีความสำคัญเร่งด่วนและมีลำดับความสำคัญสูงในแผนฯ 12 สู่การปฏิบัติ เป็นหัวข้อการประชุมกลุ่มย่อย รวมทั้งกำหนดเป้าหมายที่ควรจะต้องบรรลุใน 6 ประเด็นการพัฒนาดังกล่าว ได้แก่ 

กลุ่มที่ 1 ศักยภาพคนไทยเพื่ออนาคตประเทศไทย ส่งเสริมคนไทยให้สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงและกำหนดเส้นทางชีวิตในอนาคต มีระบบการศึกษาและกระบวนการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย สร้างสรรค์ มีส่วนร่วม และนำไปปฏิบัติได้จริง การบริการสุขภาพที่มีคุณภาพทั่วถึงทุกพื้นที่ และพัฒนาระบบสุขภาพอย่างมีส่วนร่วมภายใต้ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ   

กลุ่มที่ 2 นวัตกรรมนำสู่อนาคตประเทศไทย ส่งเสริมระบบนิเวศนวัตกรรม รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่การเพิ่มผลิตภาพให้ภาคการผลิต การค้า และบริการ สร้างความเจริญทางเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนทุกกลุ่มอย่างยั่งยืน

กลุ่มที่ 3 เกษตรกรยุคใหม่เพื่ออนาคตประเทศไทย เน้นการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน โดยการสนับสนุนเกษตรกรรุ่นใหม่ให้มีการวางแผนอย่างมีระบบ มีองค์ความรู้ สามารถนำนวัตกรรม เทคโนโลยี
มาปรับใช้อย่างเหมาะสม เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

กลุ่มที่ 4 โครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์เพื่ออนาคตประเทศไทย มุ่งเน้นเป้าหมายหลัก 4 ประการ ได้แก่ การขยายขีดความสามารถและพัฒนาคุณภาพการให้บริการ การเชื่อมโยงอนุภูมิภาคและอาเซียนอย่างเป็นระบบ เพื่อการพัฒนาพื้นที่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจ การพัฒนาระบบบริหารและการประยุกต์ใช้นวัตกรรม และการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพออกไปลงทุนในต่างประเทศ

กลุ่มที่ 5 ภาครัฐดิจิทัลเพื่ออนาคตประเทศไทย ยกระดับการบริหารจัดการราชการแผ่นดิน และการบริการประชาชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ติดต่อสื่อสารได้รวดเร็ว และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดและสะท้อนความต้องการต่อบริการของภาครัฐ รวมทั้งตรวจสอบการทำงานของภาครัฐเพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้น

กลุ่มที่ 6 การพัฒนาพื้นที่ ภาค และเมืองสู่อนาคตประเทศไทย กำหนดแนวทาง กลไก และมาตรการ ในการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ภาคและเมืองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการพื้นที่เศรษฐกิจ สนับสนุนการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค

นวัตกรรม หัวใจการขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคต

ในปีนี้ สศช. ยังได้กำหนดจัดนิทรรศการเรื่อง "นวัตกรรม หัวใจการขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคต” โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และสถาบันการศึกษารวม 13 แห่ง จะนำผลงานความสำเร็จของการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาขับเคลื่อนประเทศในด้านต่างๆ ได้แก่ หุ่นยนต์กับภาคบริการ 
โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรื่อง "หุ่นยนต์บันทึกทักษะการทำงาน” สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เรื่อง 
"การพัฒนากำลังคนด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติด้วย Work Base Education” บริษัท ซีที เอเชีย โรโบติกส์ จำกัด เรื่อง "หุ่นยนต์ดินสอ”  

จากนั้นจะแสดงให้เห็นถึงการแก้ปัญหาทางสังคมและพัฒนาพื้นที่ด้วยนวัตกรรม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ เรื่อง "นาโนเทคโนโลยีเพื่อชุมชน... เกษตรกรไทยเข้มแข็งยั่งยืนด้วยนาโนซิงค์
ออกไซด์” สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) เรื่อง "เทคโนโลยี
ลดความเหลื่อมล้ำ” สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เรื่อง "Faarm Series” และ "เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi)”  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่อง "นวัตกรรมการตรวจ
คัดกรองเพื่อป้องกันตาบอดจากโรคจอประสาทตา” ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) เรื่อง "TCDC Charoenkrung : A Path to the New Experience” และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เรื่อง "ย่านนวัตกรรมประเทศไทย” 
รวมทั้งการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและบริการภาครัฐด้วยนวัตกรรม โดยกระทรวงคมนาคม เรื่อง "คมนาคมรวมเป็นหนึ่ง ขับเคลื่อนอนาคต เพื่อประชาชน One Transport, Drives the Future for All People” สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เรื่อง "e-Government Showcase” บริษัท ขอนแก่น
พัฒนาเมือง (เคเคทีที) จำกัด เรื่อง "Smart City” สวทช. เรื่อง "โครงการระบบสื่อสาระออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ทางไกล” ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในภาคการผลิตและบริการ โดย สวทช. จำนวน 2 เรื่อง คือ "Food Innovation Service” และ "NETPIE แพลตฟอร์มไร้สายสำหรับงาน Internet of Things” และบริษัท อาปิโก ไอทีเอส จำกัด เรื่อง "Powermap Tracking” 

นอกจากนี้ปิดท้ายด้วยการนำเสนอ "เทคโนโลยีในอนาคต” โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านฟิสิกส์ และ
วีดิทัศน์เกี่ยวกับความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์พื้นฐานที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนโฉมเทคโนโลยี ซึ่งจะส่งผลต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในอนาคต ซึ่งสะท้อนและได้บทสรุปที่สำคัญว่า ประเทศไทยต้องมีวิทยาศาสตร์พื้นฐานเข้มแข็ง เพื่อยกระดับจากการลอกเลียนแบบสู่การสร้างนวัตกรรมที่นำไปใช้ให้เกิดผล 
  
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมจะเป็นตัวแทนของทุกภาคส่วนในสังคมไทยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภาขับเคลื่อน
การปฏิรูปประเทศ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้นำชุมชน ผู้แทนจากภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชน และประชาชน รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,500 คน

ติดตามรับชมการถ่ายทอดสด

สำหรับประชาชนที่ไม่มีโอกาสเข้าร่วมการประชุม สามารถรับชมและรับฟังการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) เวลา 9.00–11.00 น. สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย คลื่นเอเอ็ม 819 กิโลเฮิรตซ์ เวลา 9.00-12.00 น. เว็บไซต์ สศช. www.nesdb.go.th และ Facebook Live เวลา 9.00-12.30 น.  รวมทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น NESDB Connect  โดยสามารถชมย้อนหลังทาง NESDB on Youtube สำหรับเอกสารประกอบการประชุมสามารถสืบค้นและดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของ สศช. 
--------------------------  
28  มิถุนายน  2560

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 962 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
โทรศัพท์ : 02-2804085 (40 คู่สาย) แฟกซ์ : 0-2281-3938 E-mail : pr@nesdc.go.th , webmaster@nesdc.go.th
นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์