คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อันหาที่สุดมิได้ พร้อมใจร่วมพิธีถวายสักการะและแสดงความอาลัย โดยเลขาธิการ สศช. เป็นประธาน ณ อาคารสำนักงาน ถ.กรุงเกษม
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2559 ดร.ปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีถวายสักการะและลงนามแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน
พิธีถวายสักการะ เริ่มขึ้นเวลา 9.00 น. โดย ดร.ปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการ สศช. ประธานในพิธี นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สศช. ถวายสักการะพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมกล่าวแสดงความอาลัยว่า
"ตามที่สำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตแล้ว ถือเป็นการสูญเสียและความวิปโยคยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของพวกเราชาวสภาพัฒน์ และปวงชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ
ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นช่วงเวลาที่มีการพัฒนาประเทศในทุกด้าน พระองค์มีพระราชวิริยะอุตสาหะดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชนชาวไทยให้อยู่ดีมีสุข อันเป็นที่มาของโครงการพัฒนามากมายกว่า ๔,๑๐๐ โครงการในปัจจุบัน จนได้รับการยกย่องว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนาที่ประสบความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์
จากพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาประเทศนานัปการ ที่ทรงปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานนั้น ล้วนก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างใหญ่หลวง เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชน ประดุจ "พ่อดูแลลูก” แนวทางการพัฒนาประเทศของพระองค์ ทรงเริ่มจากพื้นฐานลำดับแรกคือ เพื่อปากท้องของประชาชน ต่อมาคือเพื่อความมั่นคงของสังคม และสุดท้ายคือ เพื่อความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ และลดการพึ่งพาจากภายนอก อันจะนำพาสู่การพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานพระราชดำริที่สำคัญ คือ "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อเป็นแนวทางดำเนินชีวิตและปฏิบัติแก่ปวงชนชาวไทยทุกสาขาอาชีพ ให้สามารถดำรงอยู่ได้ภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มีความก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป ซึ่งสภาพัฒน์ได้มีโอกาสรับใช้เบื้องพระยุคลบาทในการกลั่นกรองพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจพอเพียงในโอกาสต่างๆ สรุปออกมาเป็นนิยามความหมาย "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และนำความกราบบังคมทูลฯ ขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งพระองค์ได้ทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไข และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สภาพัฒน์นำไปเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของทุกฝ่ายและประชาชนทั่วไป เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ นับจากวันนั้นมา สภาพัฒน์ได้น้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมานำทางในการวางแผนพัฒนาประเทศ และขับเคลื่อนสู่ภาคส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ขอแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เป็นล้นพ้น และขอเดินตามรอยตามเบื้องพระยุคลบาท มุ่งมั่นทำความดีเพื่อประเทศชาติ น้อมนำแนวพระราชดำริมาศึกษา และยึดถือเป็นแนวปฏิบัติให้บังเกิดผลสืบไป”
จากนั้น เลขาธิการ สศช. ได้อ่านคำกลอน "ถวายถ้อยร้อยอาลัยใจภักดี” ซึ่งประพันธ์โดยนางสาววันเพ็ญ เซ็นตระกูล ผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งกลอน และนำถวายความเคารพพร้อมยืนสงบนิ่ง น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นเวลา 99 วินาที ต่อจากนั้นได้ลงนามถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หลังจากนั้นผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สศช. ได้พร้อมใจร่วมลงนาม
ทั้งนี้ สศช. ได้ไว้ทุกข์ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี โดยการลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน และแต่งกายด้วยชุดไว้ทุกข์เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป และมีการประดับผ้าดำ-ขาว รวมถึงได้จัดสถานที่เพื่อประกอบพิธี และเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามแสดงความอาลัย ณ สศช. ในส่วนกลาง และ สำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ สศช. ทั้ง 4 ภาค
ข่าว : ช่อผกา แก้วใหญ่
ภาพ : ปราณี ขวัญเกิด / เมฐติญา วงษ์ภักดี / อมรเทพ ศรีประเสริฐ