ข่าวสาร
ข่าวสาร/กิจกรรม
สภาพัฒน์จัดศึกษาดูงานท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
วันที่ 6 ก.ย. 2566 (จำนวนผู้เข้าชม  187)
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 นายโสภณ  แท่งเพ็ชร์ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาภาค พื้นที่ และเมือง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมประมาณ 100 คน ได้ศึกษาดูงานท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยได้รับเกียรติจาก นายเทียนชัย  มักเที่ยงตรง ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานสนับสนุน ให้การต้อนรับ นายศัลย์  อุคพัชญ์สกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองแผนงาน ท่าเรือแหลมฉบัง และนางสาวอัญชลี  วัลลา นักประชาสัมพันธ์ 8 เป็นผู้บรรยายสรุปกิจการโครงการพัฒนาต่าง ๆ ตลอดจนนำคณะเยี่ยมชมการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และระยะที่ 3

การศึกษาดูงานท่าเรือแหลมฉบังครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความพร้อมและศักยภาพของจังหวัดชลบุรีซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายในการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งการพัฒนาเมือง เพื่อกำหนดแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

ท่าเรือแหลมฉบัง อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) โดย กทท. ทำหน้าที่เป็นองค์กรบริหารท่าเรือโดยรวม และให้เอกชนที่เช่าประกอบการ หรือ Landlord Port เปิดให้บริการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ในปัจจุบันเปิดดำเนินการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 มีพื้นที่รวม 8,752 ไร่ โดยมีท่าเรือเปิดให้บริการรวม 19 ท่าเรือ จำแนกเป็น 5 ประเภท ประกอบด้วย (1) ท่าเทียบเรือตู้สินค้า 11 ท่า (2) ท่าเทียบเรือขนส่งรถยนต์ (Ro/Ro) 3 ท่า (3) ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ 3 ท่า (4) ท่าเทียบเรือสินค้าทั่วไป 1 ท่า และ (5) อู่ต่อและซ่อมเรือ 1 ท่า  รองรับการขนส่งตู้สินค้ารวมประมาณ 11 ล้าน TEUs/ปี และรองรับรถยนต์ประมาณ 2 ล้านคันต่อปี 

ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาในระยะที่ 3 เป็นการดำเนินการโดยการให้เอกชนร่วมลงทุน วงเงินลงทุน รวม 114,047 ล้านบาท บนพื้นที่ขนาด 2,846 ไร่ เน้นการอำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการท่าเรือด้วยระบบ e-Port ผ่านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ และการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม โดยเน้นการขนส่งระบบราง เพื่อเอื้อต่อธุรกิจโลจิสติกส์ประเทศให้ได้มาตรฐานในระดับสากล และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานและการบริหารจัดการ โดยเน้นให้มีความสามารถรองรับการขนถ่ายด้วยเครื่องมือขนสินค้าประเภทตู้สินค้าที่ทันสมัยและใช้ระบบจัดการตู้สินค้าแบบอัตโนมัติ โดยมีเป้าหมายเพื่อรองรับการขนถ่ายสินค้าประเภทตู้ผ่านท่าเรือแหลมฉบังทั้ง 3 ระยะ จาก 11 ล้านตู้ต่อปี เป็น 18 ล้านตู้ต่อปี และรองรับรถยนต์จาก 2 ล้านคันต่อปี เป็น 3 ล้านคันต่อปี และเพิ่มความสามารถในการรองรับสินค้าตู้ทางรถไฟให้สูงขึ้นจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 30 ของสินค้าตู้ที่ผ่านท่าเรือแหลมฉบังทั้งหมด

ทั้งนี้ จากการศึกษาดูงาน พบว่า การดำเนินการของท่าเรือแหลมฉบังยังมีประเด็นท้าทาย อาทิ (1) การยกระดับมาตรฐานการให้บริการเทียบเท่าระดับสากล (2) การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการบริหารจัดการท่าเรือ (3) การบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง (Single Rail Transfer Operator: SRTO) (4) สรรหาบุคลากรและพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีขีดความสามารถเท่าทันเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการท่าเรือแหลมฉบังได้อย่างมีประสิทธิภาพ (5) การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและมุ่งสู่การเป็นท่าเรือสีเขียว (6) ควรพิจารณาบรรจุเรื่องการส่งเสริมใช้พลังงานสะอาดไว้ในสัญญาที่จะทำกับภาคเอกชนที่จะเข้ามาลงทุนในบริเวณพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังระยะต่อไป  และที่สำคัญคือ (7) การมีส่วนร่วมและการยอมรับจากชุมชนในพื้นที่และบริเวณโดยรอบ เพื่อความยั่งยืนของการพัฒนาในอนาคต
-------------------------

กองยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองและกองยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
28 สิงหาคม 2566

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 962 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
โทรศัพท์ : 02-2804085 (40 คู่สาย) แฟกซ์ : 0-2281-3938 E-mail : pr@nesdc.go.th , webmaster@nesdc.go.th
นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์