เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2566 คณะผู้แทนจากประเทศไทย ประกอบด้วย นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และ นายวันฉัตร สุวรรณกิตติ รองเลขาธิการ สศช. พร้อมด้วยผู้บริหารจากกระทรวงแรงงาน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ผู้แทนองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ สศช. ได้เข้าร่วมหารือกับนาง Pilvi Torsti ผู้อำนวยการ The European Training Foundation (ETF) พร้อมทั้งผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ถึงแนวทางการประยุกต์ใช้รูปแบบการดำเนินโครงการ Youth Guarantee ซึ่งเป็นโครงการที่ให้ความช่วยเหลือเยาวชนว่างงานในหลายประเทศของทวีปยุโรป กับโครงการส่งเสริมเด็กและเยาวชนกลุ่ม NEETs ภายใต้แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ในตำบลนำร่องของจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดนครราชสีมา ที่ สศช. ได้มีความร่วมมือภาคีการพัฒนาต่าง ๆ อาทิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี UNICEF บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่นจำกัด กระทรวงแรงงาน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อผลักดันให้เกิดโมเดลการแก้ปัญหาเยาวชนกลุ่ม NEETs ของประเทศไทยที่มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม
ในระหว่างการประชุมหารือ นายวันฉัตร สุวรรณกิตติ รองเลขาธิการฯ ได้ชี้ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยที่จะลดสัดส่วนเยาวชนกลุ่ม NEETs จากร้อยละ 15 ให้เหลือร้อยละ 5 ภายในระยะเวลา 5 ปี และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาเยาวชนกลุ่ม NEETs ที่จะนำไปสู่การลดความยากจนข้ามรุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ขณะที่ นางสาวปฏิมา จงเจริญธนาวัฒน์ ผู้อำนวยการกองศึกษาและวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ (กศว.) ได้นำเสนอถึงสถานการณ์แรงงานเยาวชน ความท้าทายในการสนับสนุนช่วยเหลือเยาวชนกลุ่ม NEETs ในบริบทของประเทศไทย แผนและนโยบายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรูปแบบ แนวทาง และความก้าวหน้าของโครงการในพื้นที่นำร่อง โดยผู้แทน ETF ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์แนวทางการดำเนินงานของประเทศต่าง ๆ ในยุโรปที่สามารถเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินโครงการนำร่องของไทย อาทิ วิธีการเข้าถึงและสร้างแรงจูงใจแก่กลุ่มเยาวชน (Outreach Strategies) การให้บริการแนะแนวอาชีพ (Career Guidance) รูปแบบการจ้างงานเยาวชนในยุโรป (Apprenticeship and Traineeship) การสร้างการมีส่วนร่วมของสภาเยาวชนในการขับเคลื่อนโครงการ Youth Guarantee การจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรที่จำเป็นจากสหภาพยุโรปสู่ประเทศสมาชิกและจากประเทศสมาชิกสู่รัฐบาลท้องถิ่น ตลอดจนแนวทางการติดตามประเมินผลที่นำไปสู่การพัฒนาโครงการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงสัปดาห์เดียวกัน คณะผู้แทนจากประเทศไทยได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้รูปแบบและกลไกการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการว่างงานของกลุ่มเยาวชนในระดับพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ของสาธารณรัฐอิตาลีที่มีบทบาทและภารกิจเกี่ยวข้อง อาทิ มหาวิทยาลัยตูรินและมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การอาหารแห่งโพลเลนโซ (University of Gastronomic Sciences of Pollenzo) ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการจ้างงานโดยเฉพาะในสาขาวิชาที่สอดคล้องความต้องการของตลาดแรงงานและทิศทางการพัฒนาประเทศ และการส่งเสริมและสนุนองค์ความรู้และทรัพยากรที่จำเป็นในการเป็นผู้ประกอบการให้แก่เยาวชน Talent Garden ซึ่งเป็นภาคเอกชนที่สร้างพื้นที่การเรียนรู้ร่วมกันของผู้ประกอบการรายย่อย นำไปสู่การสร้างเครือข่ายการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ Startup ในแวดวงเทคโนโลยีและนวัตกรรมของอิตาลี สำนักงานด้านแรงงานของแคว้นเพียมอนเต (Agenzia Lavoro Piemonte) และแคว้นเวเนโต (Agenzia Lavoro Veneto) ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การพัฒนาทักษะแรงงาน และการจัดหางาน ให้เน้นผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง โดยมีขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน มีการบูรณาการบริการที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ และมีพี่เลี้ยง (Case Manager) คอยดูแลให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการ
ทั้งนี้ กศว. จะรวบรวมข้อมูลและองค์ความรู้ทั้งหมดที่ได้จากการประชุมหารือและศึกษาดูงาน เพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินโครงการนำร่อง ณ จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงการออกแบบโมเดลการส่งเสริมให้เยาวชนกลุ่ม NEETs สามารถกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา การพัฒนาทักษะแรงงาน และการทำงานได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งจะจัดให้มีการเผยแพร่ข้อมูลและองค์ความรู้ดังกล่าวให้แก่กองต่าง ๆ ภายใน สศช. และภาคีการพัฒนาที่สนใจ ต่อไป
ข่าว: กองศึกษาและวิจัยเชิงยุทธศาสตร์
ภาพ: เจ้าหน้าที่กองศึกษาและวิจัยเชิงยุทธศาสตร์
|