เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 ดร.ปรเมธี วิมลศิริ ประธานกรรมการมูลนิธิพัฒนาไท เป็นประธานการประชุม "เวทีทิศทางอนาคตประเทศไทย” ครั้งที่ 1/2564 โดยผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย กรรมการมูลนิธิพัฒนาไท (มพท.) ผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันพระปกเกล้า สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ รวมทั้งเครือข่ายจากทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา/วิชาการ สื่อมวลชน และภาคประชาสังคม รวมจำนวนประมาณ 45 คน
ดร.ปรเมธี วิมลศิริ กล่าวว่า การจัด "เวทีทิศทางอนาคตประเทศไทย” ริเริ่มโดย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี ที่ปรึกษากรรมการมูลนิธิพัฒนาไท ได้เสนอแนวคิดให้มีการจัดเวทีระดมความคิดเห็น เพื่อทบทวนกระบวนการและทิศทางการพัฒนาประเทศ อย่างสอดคล้องกับกรอบแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ที่จะนำไปสู่การกำหนดแนวทางการทำงานแบบบูรณาการของชุมชนท้องถิ่นร่วมกับภาคีเครือข่ายจากทุกภาคส่วนในการกำหนดทิศทางอนาคตประเทศไทย รวมทั้งแนวทางและกลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
จากนั้น นางสาวจินางค์กูร โรจนนันต์ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเลขาธิการมูลนิธิพัฒนาไท นำเสนอ "ร่างกรอบแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพลิกโฉมประเทศไทยสู่ "เศรษฐกิจสร้างคุณค่า สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน” โดยกำหนดแนวทางและหมุดหมายการพัฒนาให้ตอบสนองกับบริบทการพัฒนาที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ 6 ถึงปีที่ 10 ของยุทธศาสตร์ชาติ โดยจะมีการเปลี่ยนผ่านประเทศใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านที่ 1 เน้นการสร้างเศรษฐกิจมูลค่าสูงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้านที่ 2 การสร้างสังคมแห่งโอกาสและความเสมอภาค ด้านที่ 3 การปรับเปลี่ยนไปสู่วิถีชีวิตที่มีความยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัย และด้านที่ 4 การสร้างกำลังคนที่มีความสามารถและระบบบริหารราชการแผ่นดินที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ในการพลิกโฉมใน 4 ด้านดังกล่าว มีประเด็นที่จะให้ความสำคัญในช่วง 5 ปี ดังนี้ (1) ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง (2) ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณค่าและความยั่งยืน (3) ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน (4) ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง (5) ไทยเป็นประตูการค้าการลงทุน และจุดยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค (6) ไทยเป็นฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและบริการดิจิทัลของอาเซียน (7) มุ่งลดความเหลื่อมล้ำระหว่างธุรกิจขนาดใหญ่และSMEs (8) มุ่งลดความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่ (9) มุ่งเพิ่มพลวัตการเลื่อนชั้นทางสังคมและลดความเหลื่อมล้ำเชิงรายได้และความมั่งคั่ง (10) ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ (11) ไทยสามารถปรับตัวและลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ (12) ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต และ (13) ไทยมีภาครัฐที่มีสมรรถนะสูง
ผู้เข้าร่วมประชุมได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นและเสนอแนวทางการพัฒนาฯ ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 โดยส่วนใหญ่มีความเห็นว่า เห็นด้วยกับเป้าหมายเพื่อพลิกโฉมประเทศไทยสู่ "เศรษฐกิจสร้างคุณค่า สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน” อย่างไรก็ตาม ควรระบุให้ชัดเจนว่า แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 มีกรอบแนวคิดและกรอบระยะเวลาการดำเนินงานอย่างสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ และควรปรับกลไกการขับเคลื่อนให้แผนพัฒนาฯ สามารถแปลงไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ควรกำหนดกลไกการติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนการพัฒนาตาม 13 หมุดหมายให้บรรลุตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาไท ในฐานะรองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะได้นำประเด็นการระดมความคิดที่ได้จากเวทีทิศทางอนาคตประเทศไทยครั้งนี้ ไปใช้ประโยชน์ในการจัดทำแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ต่อไป
ข่าว : วีณา เตชะศิริสวัสดิ์
ภาพ : จักรพงศ์ สวภาพมงคล
|