ข่าวสาร
ข่าวสาร/กิจกรรม
รำลึกถึง “พระยาสุริยานุวัตร” รัฐบุรุษ 5 แผ่นดิน นักเศรษฐศาสตร์คนแรกของไทย
วันที่ 28 ก.ย. 2561
"มหาอำมาตย์เอก พระยาสุริยานุวัตร” เป็นปูชนียบุคคลผู้มีคุณูปการต่อประเทศไทยอย่างยิ่ง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าในหลายด้าน เนื่องจากเป็นผู้มีความคิดก้าวหน้า และความคิดของท่านมีความทันสมัยอยู่เสมอ แม้เวลาจะล่วงเลยไป ที่สำคัญความคิดที่แสดงออกทั้งนโยบายที่เสนอเมื่อครั้งเป็นเสนาบดีหรือในงานเขียน ก็เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญมากกว่าเพื่อตนเอง งานเขียนสำคัญคือ "ทรัพย์ศาสตร์” ตำราเศรษฐศาสตร์เล่มแรกของไทย จนได้รับการยกย่องเป็นนักเศรษฐศาสตร์คนแรกของประเทศไทย จึงนับเป็นบุคคลสำคัญที่ควรมีชื่อจารึกลงในประวัติศาสตร์ของไทย  ชีวิตวัยเด็กศึกษาในต่างแดน  
"พระยาสุริยานุวัตร” มีนามเดิมว่า เกิด บุนนาค เกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2405 เป็นบุตรพระยามนตรี
สุริยวงศ์ (ชุ่ม  บุนนาค) สมุหกลาโหมฝ่ายเหนือ กับหม่อมศิลา เมื่อเยาว์วัยได้ศึกษาหนังสือไทยที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้เป็นลุง ต่อมาในปี 2414 อายุ 9 ขวบ ได้เดินทางไปศึกษาวิชาที่ปีนังและกัลกัตตาอยู่ 5 ปี จึงกลับประเทศ และเข้ารับราชการครั้งแรกเมื่อปี 2419 ในตำแหน่งมหาดเล็กวิเศษในกรมมหาดเล็ก ด้วยความสามารถที่โดดเด่นจึงมีความเจริญก้าวหน้ามาโดยลำดับ จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาสุริยานุวัตร” เมื่อปี 2439   

ผลงานของพระยาสุริยานุวัตรเมื่อรับราชการ 
                                 
พระยาสุริยานุวัตร มีผลงานที่น่ายกย่อง ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งใด ทั้งการเป็นอัครทูต เสนาบดีกระทรวง องคมนตรี และรัฐมนตรี ก็สามารถทำงานได้อย่างดีเลิศ จึงมีผลงานมากมาย ที่สำคัญ อาทิ 

1. แต่งตำราการทูตภาษาไทยเล่มแรก เมื่อปี 2430 ระหว่างรับราชการในตำแหน่งผู้ช่วยทูตประจำราชสำนักเซนต์เจมส์ ประเทศอังกฤษ ได้เรียบเรียงหนังสือเรื่อง  "ขนบธรรมเนียมราชการต่างประเทศ” ซึ่งถือเป็นตำราการปฏิบัติระหว่างประเทศเรื่องการทูตภาษาไทยเล่มแรก 

2. ถวายการดูแลพระราชโอรสที่กำลังศึกษาอยู่ในยุโรป ปี 2439 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นอัครราชทูตประจำประเทศฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และรัสเซีย รวม 4 ประเทศ ด้วยความที่เป็นผู้ใกล้ชิดและไว้วางพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดูแลพระราชโอรสที่กำลังศึกษาอยู่ในยุโรป ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (รัชกาลที่ 6) 
ต่อมา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระประชวรไส้ติ่งอักเสบ ต้องถวายการผ่าตัด ท่านเห็นว่าหากรอรับพระบรมราชานุญาตจะไม่ทันการณ์ จึงอนุญาตให้แพทย์ถวายการผ่าตัด โดยขอถวายศีรษะเป็นราชพลี และปรากฏว่าพระราชโอรสทรงปลอดภัย  

3. ทำโค้ดโทรเลขใช้ในการทูตครั้งแรก ในปี 2444 ขณะดำรงตำแหน่งเป็นอัครราชทูต พระยาสุริยานุวัตรได้ดำริทำโค้ดโทรเลขเพื่อใช้ในการทูตของไทยขึ้นเป็นครั้งแรก ชื่อ "สุริยาโค้ด” และ "สยามมาคูโต” อย่างละเล่ม โดยใช้ในราชการมาตั้งแต่ปี 2447 และยังใช้ติดต่อกันมาเป็นเวลานาน  

4. เสนอแนวคิดให้ตั้งธนาคารชาติ ท่านได้เสนอให้ตั้งธนาคารแห่งชาติออกทุนให้ชาวนากู้โดยเก็บดอกเบี้ยแต่พอควร ดังปรากฏในจดหมายที่กราบทูลกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ลงวันที่ 13 มีนาคม 2445 ต่อมาเมื่อท่านเขียนหนังสือ "เศรษฐกิจ-การเมือง” ในปี 2477 ได้ยกร่างโครงการจัดตั้งธนาคารแห่งชาติทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และในที่สุดได้มีการจัดตั้งธนาคารแห่งชาติขึ้นในปี 2485 

5. มีบทบาทในการเจรจาเพื่อทำอนุสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศส งานสำคัญยิ่งของพระยาสุริยานุวัตรคือ เป็นผู้มีบทบาทในการเจรจาเพื่อทำอนุสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ฉบับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2446 ได้สำเร็จ โดยระบุให้ฝรั่งเศสถอนทหารออกจากจันทบุรี  

6. เป็นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ พระยาสุริยานุวัตรกลับประเทศไทยเมื่อปี 2448 และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ ทำหน้าที่กำกับดูแลการพัฒนาประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับการโยธา การรถไฟ  และการไปรษณีย์โทรเลข ทั้งที่ดำรงตำแหน่งไม่ถึง 1 ปีเต็ม ท่านได้ปรับปรุงและสร้างผลงานไว้มากมาย เช่น การสร้างทางรถไฟ การปรับปรุงการบริการไปรษณีย์โทรเลข การเปิดสำนักงานไปรษณีย์ตามสถานีรถไฟ รวมทั้งเป็นผู้หนึ่งในกลุ่มเสนาบดีที่ริเริ่มการสร้างพระบรมรูปทรงม้า รัชกาลที่ 5              

7. เป็นเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ กระทรวงสำคัญของแผ่นดิน ต่อมาปี 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุริยานุวัตรย้ายไปเป็นเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งไม่เคยมีสามัญชนคนใดเคยได้รับพระมหากรุณาเช่นนี้มาก่อน เนื่องจากเป็นกระทรวงสำคัญที่เปรียบเสมือนหัวใจของแผ่นดิน ระหว่างดำรงตำแหน่งได้สร้างผลงานที่สำคัญหลายเรื่อง เช่น การปฏิรูปการจัดเก็บภาษีอากร โดยโอนกิจการฝิ่นมาเป็นของรัฐบาล ซึ่งช่วยให้เกิดผลดีในระยะยาว เนื่องจากช่วยขจัดการรั่วไหลรายได้ของรัฐบาล ทำให้รายได้ของรัฐเพิ่มขึ้น 

การพัฒนาระบบเงินตรา โดยเปลี่ยนระบบเงินจาก "ระบบมาตราเงิน” เป็น "ระบบมาตราทองคำ” และ คิดทำสตางค์ขึ้นใช้แทนอัฐ ซึ่งสำเร็จผลต่อมาภายหลังที่ท่านพ้นจากตำแหน่งเสนาบดีแล้ว  

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระราชทานที่ดินให้ปลูกสร้างบ้าน

ผลจากการปฏิบัติราชการด้วยความเพียร ซื่อสัตย์ สุจริต และสร้างคุณประโยชน์มากมายให้กับประเทศชาติมาโดยตลอด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้พระราชทานที่ดินให้ปลูกสร้างบ้าน ซึ่งก็คือ "ตึกสุริยานุวัตร” อันเป็นที่ทำการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในปัจจุบัน และพระราชทาน "หีบทอง” แก่พระยาสุริยานุวัตร โดยมีพระราชหัตถเลขาความตอนหนึ่งว่า "เจ้าได้แสดงให้เห็นเป็นที่มั่นใจว่า เจ้าเป็นเพื่อนทุกข์เพื่อนยากคนหนึ่ง ซึ่งได้ความร้อนใจมาด้วยกันนานแล้ว”    

ชีวิตและผลงานภายหลังออกจากราชการ
ในการปฏิรูปการจัดเก็บภาษีอากร โดยโอนกิจการฝิ่นมาเป็นของรัฐบาลนั้น ทำให้เจ้าภาษีนายอากรไม่พอใจ เพื่อยุติปัญหา พระยาสุริยานุวัตรจึงได้กราบถวายบังคมลาหยุดพักราชการเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2450 และลาออกจากราชการในที่สุด หลังจากนั้นใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเขียนหนังสือทรัพย์ศาสตร์ขึ้น 3 เล่ม 
ซึ่งนับเป็นมรดกล้ำค่าของชาวไทย และได้รับการยกย่องว่าเป็นตำราเศรษฐศาสตร์เล่มแรกของประเทศไทย ที่มีความคิดก้าวล้ำหน้า จนแทบไม่มีใครในยุคนั้นตามทัน  

เมื่อมีการพิมพ์ "ทรัพย์ศาสตร์” เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2454 ปรากฏว่าได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง จนทางราชการขอร้องไม่ให้เผยแพร่ ราว 20 ปีต่อมา ศาสตราจารย์ ดร.ทองเปลว  ชลภูมิ ได้นำ "ทรัพย์ศาสตร์” เล่ม 1 มาพิมพ์ใหม่โดยเปลี่ยนชื่อเป็น "เศรษฐวิทยาชั้นต้น” แต่คงเนื้อหาไว้อย่างเดิม ต่อมาในปี 2477 ทรัพย์ศาสตร์ เล่ม 3 จึงได้รับการตีพิมพ์โดยใช้ชื่อว่า "เศรษฐกิจ-การเมือง” หรือ "เศรษฐวิทยา เล่ม 3"  

แม้ว่าแนวคิดต่างๆ ในหนังสือทรัพย์ศาสตร์นี้จะมีมานานถึง 105 ปีแล้ว  แต่นับว่ามีความก้าวหน้าและมองการณ์ไกลเป็นอย่างยิ่ง เพราะแนวคิดเหล่านี้หลายๆ อย่างได้มีการนำมาปฏิบัติในระยะต่อมา เช่น โครงการธนาคารชาติ การให้การสงเคราะห์คนยากจนพร้อมยกระดับความเป็นอยู่ การกระจายการผลิตทางการเกษตร  การพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อยกระดับการทำมาหากินของราษฎร และการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาในระดับประถม โดยรัฐให้การสนับสนุน เป็นต้น จนเป็นหนังสือ 1 ใน 100 เล่ม ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) แนะนำว่าคนไทยควรหามาอ่าน

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นองคมนตรี ในปี 2469  และเมื่อพระยาพหลพลพยุหเสนาขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี "พระยาสุริยานุวัตร” ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ทำหน้าที่ที่ปรึกษาอาวุโสของรัฐบาล

เกียรติประวัติและคุณความดีที่ไม่มีวันตาย

"พระยาสุริยานุวัตร” ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองตีบเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2479 ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น สิริอายุ 74 ปี และในวันที่ 30 กันยายน 2561 ที่จะถึงนี้ นับเป็นวันที่ท่านถึงแก่อนิจกรรมเป็นเวลา 82 ปีพอดี แม้กาลเวลาจะผ่านมานานแล้ว แต่เกียรติประวัติและคุณความดีของท่านจะจารึกอยู่ในหัวใจของชาวสภาพัฒน์ และคนไทยตลอดไป

"บ้านสุริยานุวัตร” จากบ้านของนักเศรษฐศาสตร์ไทยคนแรกสู่อาคารสำนักงานของสภาพัฒน์

"บ้านสุริยานุวัตร” มีประวัติความเป็นมาที่กล่าวได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของตำนานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย เนื่องจากเป็นอาคารที่ทำงานถาวรหลังแรกของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมาจนถึงปัจจุบัน แต่ความสำคัญมิได้อยู่เพียงแค่นั้น จากการค้นคว้าถึงความเป็นมา ได้ค้นพบถึงความบังเอิญอย่างน่าอัศจรรย์เกี่ยวกับความสัมพันธ์เชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งของบ้านสุริยานุวัตรกับภารกิจหลักของ สศช. นั่นคือ บ้านหลังนี้ในอดีตเคยเป็นบ้านพักอาศัยของ มหาอำมาตย์เอก พระยาสุริยานุวัตร ซึ่งมีประวัติการทำงานและผลงานที่น่ายกย่อง และยังเป็น "นักเศรษฐศาสตร์คนแรกของไทย” ผู้เขียน "ทรัพย์ศาสตร์” ตำราเศรษฐศาสตร์เล่มแรกของไทย  

จากการสอบถาม นายสุนทร  หงส์ลดารมภ์ อดีตเลขาธิการฯ ท่านแรกขณะยังมีชีวิตอยู่ ว่าทราบหรือไม่ว่าบ้านหลังนี้เดิมเป็นของใคร ท่านกล่าวว่า ไม่ทราบมาก่อน ตอนซื้อพิจารณาว่าเป็นสถานที่ใกล้ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากลักษณะงานของ สศช. ต้องติดต่อใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี จึงได้ตัดสินใจซื้อตึกหลังนี้มาเป็นที่ทำการตั้งแต่ปี 2493 จนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2532 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติที่ต้องอนุรักษ์ไว้ในฐานะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ

คุณค่าของบ้านสุริยานุวัตรที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ 
บ้านหลังนี้ยังทรงคุณค่าด้านจิตใจและด้านประวัติศาตร์ เปรียบเสมือนอนุสรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้กับเสนาบดีซึ่งทรงไว้วางพระราชหฤทัยทั้งในราชการงานเมืองและพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์ อีกทั้งสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระราชทานทรัพย์เพื่อปลูกสร้างบ้าน ให้เป็นที่พำนักของพระยาสุริยานุวัตร บุรุษผู้สร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงให้กับประเทศชาติเป็นเวลาเกือบ 30 ปี โดยท่านได้เขียนหนังสือ "ทรัพย์ศาสตร์” และ "เศรษฐศาตร์-การเมือง” ซึ่งเป็นตำราทางเศรษฐศาสตร์ภาษาไทยเล่มแรกขึ้นที่บ้านหลังนี้ 

ที่สำคัญคือ เป็นที่ทำงานของผู้ซึ่งทำหน้าที่ให้ความเห็น เสนอนโยบายทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศมาตั้งแต่ต้น คือตั้งแต่สมัยพระยาสุริยานุวัตร ซึ่งได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญมากมาย และสุดท้ายเป็นรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาอาวุโสของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังเคยใช้เป็นที่ประชุมของผู้ก่อการล้มพระยามโนปกรณ์นิติธาดาอีกด้วย  

การบูรณะซ่อมแซมและจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ 

บ้านหลังนี้ได้รับการบูรณะซ่อมแซมใหญ่ครั้งแรกในสมัย ดร.พิสิฎฐ  ภัคเกษม เป็นเลขาธิการฯ และตั้งชื่อว่า "ตึกสุริยานุวัตร” รวมทั้งได้สืบหาทายาทของ "พระยาสุริยานุวัตร” ซึ่งได้พบนางประชงค์  บุนนาค สะใภ้ของท่าน ซึ่งขณะนั้นอยู่ในวัย 83 ปี และนับเป็นทายาทใกล้ชิดเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ขณะนั้น เนื่องจากบุตรและธิดารวม 7 คนได้ถึงแก่กรรมหมดแล้ว และทุกท่านไม่มีทายาทเลย โดยนางประชงค์ ได้มอบภาพเหมือนพระยาสุริยานุวัตร และเครื่องใช้ส่วนตัวอื่นๆ อันประมาณค่ามิได้ให้แก่ สศช.  

ต่อมาสมัย ดร.อำพน  กิตติอำพน เป็นเลขาธิการฯ ได้บูรณะตึกสุริยานุวัตรและจัดทำเป็น "พิพิธภัณฑ์สุริยานุวัตรเพื่อการพัฒนาประเทศ” เพื่อเป็นแหล่งบอกเล่าประวัติศาสตร์การพัฒนาประเทศไทย รวมทั้งมีความหวังว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะเป็นที่ประกาศเกียรติคุณของมหาอำมาตย์เอก พระยาสุริยานุวัตร ปูชนียบุคคลผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการพัฒนาประเทศในหลายๆ ด้าน ให้กับชาวไทยและชาวต่างประเทศได้รับทราบถึงคุณูปการที่ท่านได้สร้างให้แก่ประเทศไทยอย่างมากมายเหลือเกิน ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ฯ เมื่อวันพุธที่ 7 มีนาคม 2555 

อาจกล่าวได้ว่า "บ้านสุริยานุวัตร” แห่งนี้ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของประเทศที่เกิดขึ้นในช่วง 113 ปีที่ผ่านมา นับแต่ได้ก่อสร้างขึ้นมา จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาสัมผัสบรรยากาศบ้านสุริยานุวัตร พร้อมเรียนรู้และย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญมากมายที่ก่อเกิดขึ้น ณ บ้านหลังนี้ได้ทุกวันในเวลาราชการ อันเป็นบริการแก่สังคมที่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนี้ ในส่วนพิพิธภัณฑ์ฯ ชั้นล่างอยู่ระหว่างการปรับปรุง ผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถชมบ้านชั้น 2 เป็นหมู่คณะได้

ติดต่อเข้าเยี่ยมชม "บ้านสุริยานุวัตร” ได้ที่กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โทร. 0 2628 2847, 0 2280 4085 ต่อ 2103-2110

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 962 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
โทรศัพท์ : 02-2804085 (40 คู่สาย) แฟกซ์ : 0-2281-3938 E-mail : pr@nesdc.go.th , webmaster@nesdc.go.th
นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์