ข่าวสาร
ข่าวสาร/กิจกรรม
สภาพัฒน์เปิดเวทีกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก ระดมความเห็นปัจจัยเสี่ยงต่อการพัฒนาชุมชนเข้มแข็ง จุดประกายการทำแผนที่ชุมชนบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่
วันที่ 26 ธ.ค. 2567 (จำนวนผู้เข้าชม  758)
เมื่อวันที่ 19 - 20 ธันวาคม 2567 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาไท (มพท.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการระดมความเห็น "ปัจจัยเสี่ยงต่อการพัฒนาชุมชนเข้มแข็ง กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก เพื่อจัดทำแผนที่ชุมชนเข้มแข็ง (Mapping) บูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาในพื้นที่” สำหรับกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกตอนบน (ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว) ณ โรงแรมซันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล จังหวัดฉะเชิงเทรา และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกตอนล่าง (ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด) ณ โรงแรมโนโวเทล ระยอง สตาร์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดระยอง โดยมีวุฒิอาสาธนาคารสมองและภาคีเครือข่ายการพัฒนาจากภาครัฐและภาคประชาสังคมใน 8 จังหวัดภาคตะวันออก เข้าร่วมระดมความเห็นประมาณ 180 คน

นางสาววรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และเลขาธิการมูลนิธิพัฒนาไท กล่าวเปิดการประชุมและชี้แจงวัตถุประสงค์ว่า สศช. เล็งเห็นความสำคัญของการมีข้อมูลในระดับพื้นที่ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้พื้นที่กำหนดทิศทางการพัฒนา รวมทั้งเกิดการบูรณาการทรัพยากรของภาคส่วนต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีพลัง จากการที่ สศช. ทดลองนำร่องการบูรณาการในระบบนิเวศให้เกิดพลังทางสังคมและยกระดับความเป็นอยู่ชุมชน หรือ Policy Sandbox ที่จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งมีการทำแผนที่ข้อมูลการปนเปื้อนจากขยะและกากอุตสาหกรรม นำมาซ้อนทับกับผังเมืองรวมจังหวัดปราจีนบุรี ทำให้เห็นภาพปัญหาของการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เสี่ยงต่อการทำเกษตรอินทรีย์ สะท้อนให้เห็นว่าข้อมูลปัจจัยเสี่ยงมีผลกระทบต่อการกำหนดแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหา ดังนั้น สศช. ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาแพลตฟอร์มความร่วมมือเพื่อการกระจายทรัพยากรอย่างเป็นธรรม (Thailand Integrated Social Ecosystem Platform : TISEP) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่แสดงสถานการณ์การพัฒนาและทุนที่มีอยู่ในมิติต่าง ๆ ของพื้นที่ จึงเห็นความจำเป็นของการจัดเก็บข้อมูลปัจจัยเสี่ยงเพิ่มไว้ในแพลตฟอร์ม เพื่อให้การวิเคราะห์สถานการณ์และกำหนดแนวทางการพัฒนาได้อย่างครอบคลุม

จากนั้น นายวัชรพล ว่องนิยมเกษตร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ได้นำเสนอที่มาและวัตถุประสงค์ของ TISEP ในการเป็นเครื่องมือสำหรับรวบรวมและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาเชิงพื้นที่ตั้งแต่ระดับประเทศไปจนถึงระดับตำบล ครอบคลุมข้อมูลสถานการณ์และทุนของพื้นที่ รวมถึงการดำเนินโครงการของผู้มีส่วนได้เสียในกระบวนการพัฒนาชุมชน มีองค์ประกอบ 4 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม ประชากร และสิ่งแวดล้อม โดยผู้ใช้งานสามารถนำข้อมูลวิเคราะห์สภาพปัญหาของพื้นที่ ตลอดจนศักยภาพที่มาจากทุนต่าง ๆ ทั้งทุนมนุษย์ การรวมกลุ่ม และทรัพยากรต่าง ๆ รวมทั้งวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างพื้นที่ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ประกอบการตัดสินใจบูรณาการทรัพยากรและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 

หลังจากนั้นเป็นเวทีเสวนาตัวอย่างความสำเร็จของการจัดทำฐานข้อมูลชุมชนเพื่อรับมือกับปัจจัยเสี่ยง โดยได้รับเกียรติจาก นายละอองดาว สีลาน้ำเที่ยง วุฒิอาสาธนาคารสมองจังหวัดสระแก้ว และที่ปรึกษาคณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์ของการจัดทำผังตำบล ผังชีวิต สู่การจัดการตนเองของตำบลคลองหินปูน จังหวัดสระแก้ว จุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาตำบลคลองหินปูน คือ การมีฐานข้อมูลที่คนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม โดยเริ่มจากการทำผังตำบลผ่าน "แผนที่ทำมือ” โดยคนในชุมชนลงพื้นที่สำรวจ จดบันทึก ถ่ายภาพ และระบุพิกัดของสถานที่สำคัญโดยใช้เครื่องมือ GIS เกิดเป็นแผนผังแสดงปัญหาน้ำไม่เพียงพอต่อการเกษตร ผังแสดงปัญหาความไม่มั่นคงในที่ดิน และผังแสดงทรัพยากรป่าไม้และแหล่งน้ำในชุมชน กระบวนการเหล่านี้ทำให้คนในชุมชนมองเห็นภาพรวมของสถานการณ์ในตำบล และความเสี่ยงต่าง ๆ นำไปสู่การออกแบบแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ที่บูรณาการความร่วมมือแบบเบญจภาคี ประกอบด้วย ชุมชน ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ ในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้อย่างตรงจุด เช่น การใช้ประโยชน์จากผังที่ดินเพื่อวางแผนใช้เทคโนโลยีทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนการผลิต เป็นต้น จากนั้น นายบัญชา เทียมครบุรี วุฒิอาสาธนาคารสมองจังหวัดสระแก้ว และเครือข่ายศูนย์ข้อมูลสารสนเทศชุมชนภาคตะวันออก ร่วมเติมเต็มการยกระดับการจัดทำข้อมูลชุมชนไปสู่ระบบดิจิทัล และเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายศูนย์ข้อมูลสารสนเทศชุมชนภาคตะวันออก โดยมีการจัดเก็บข้อมูลเชิงพื้นที่ อาทิ ข้อมูลเครือข่าย การแจ้งเตือน และการเฝ้าระวังผลกระทบจากมลพิษ ที่ชุมชนสามารถนำเข้าข้อมูลผ่านแพลตฟอร์ม QGIS ที่มีการบันทึกพิกัดสถานที่ บันทึกถ่ายรูป และวันที่เกิดเหตุ อาทิ ข้อมูลช้างป่าที่ออกมาหากินนอกป่า โดยสามารถระบุพิกัดที่พบช้างและจำนวน เพื่อติดตามและแจ้งเตือนภัยให้แก่คนในชุมชนได้ทันท่วงที การติดตามการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ที่สามารถถ่ายภาพและระบุพิกัดลงในแพลตฟอร์ม อีกทั้งยังมี "กลุ่มจับตามอง” ที่คอยสอดส่องและส่งต่อข้อมูลที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งนี้ การมีฐานข้อมูลชุมชนที่ได้มาตรฐาน ตรวจสอบได้ เป็นเครื่องมือสำคัญที่นำมาสู่ความน่าเชื่อถือและสร้างพื้นที่กลางระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ มาหารือร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาภายใต้หลักฐานเชิงประจักษ์ ดังเช่นการนำข้อมูลพื้นที่โรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะที่เสี่ยงต่อการเกิดสารปนเปื้อนในดินและน้ำ มาซ้อนทับกับผังเมืองรวมของจังหวัดปราจีนบุรี พบว่า พื้นที่ตั้งของโรงงานดังกล่าวอยู่ภายใต้ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินแบบเกษตรกรรมและมีรัศมีโดยรอบ 3 - 5 กม. กระทบต่อพื้นที่เกษตรอินทรีย์ในจังหวัด เป็นต้น  

การประชุมในช่วงที่สองเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยระดมความเห็นปัจจัยเสี่ยงของแต่ละจังหวัดที่ส่งผลต่อการพัฒนาในชุมชน เพื่อนำมาสู่การจัดเก็บข้อมูลสำหรับการทำแผนที่ชุมชน โดยมีกลุ่มยังธนเป็นวิทยากรกระบวนการ ผลการระดมความเห็นจากภาครัฐและภาคประชาสังคมในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกตอนบน (ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว) พบว่า ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่ ได้แก่ (1) ปัญหาช้างป่าหากินนอกพื้นที่และทำลายพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านที่อยู่ติดชายเขา โดยมีชุดข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ข้อมูลจุดรวมพลช้าง สถิติช้างป่าออกนอกพื้นที่ และพิกัดพื้นที่เกษตรกรรมบริเวณชายเขา (2) ปัญหาการบริหารจัดการน้ำที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตร ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่ มีชุดข้อมูลสำคัญ ได้แก่ พิกัดและความจุแหล่งน้ำธรรมชาติและอ่างเก็บน้ำ พิกัดประตูน้ำและเวลาเปิด – ปิด ทิศทางการไหลของน้ำ และข้อมูลแปลงเกษตรขนาดใหญ่ และ (3) ปัญหาขยะอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ มีชุดข้อมูลสำคัญ ได้แก่ จำนวนและแหล่งที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรม พื้นที่ทิ้งขยะอุตสาหกรรม และพื้นที่แปลงเกษตรอินทรีย์ ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกตอนล่าง (ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด) พบว่า ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่ ได้แก่ (1) ปัญหามลพิษจากภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว จำเป็นต้องมีชุดข้อมูลสำคัญ ได้แก่ จำนวนและพิกัดโรงงานอุตสาหกรรม/โรงแรม/แหล่งท่องเที่ยว ปริมาณขยะและจุดทิ้งขยะประเภทต่าง ๆ ข้อมูลคุณภาพน้ำและอากาศ และปฏิทินฤดูกาลท่องเที่ยวซึ่งส่งผลต่อปริมาณขยะแต่ละช่วงเวลา และ (2) ปัญหาน้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงน้ำป่าไหลหลาก ส่งผลกระทบต่อแหล่งปลูกผลไม้สำคัญของภาคตะวันออก มีชุดข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ข้อมูลคลองธรรมชาติ ปริมาณน้ำฝน และพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม ทั้งนี้ การระดมความคิดเห็นทำให้ทราบข้อมูลความเสี่ยงที่สำคัญในระดับพื้นที่ และสามารถ Mapping พิกัดจุดเสี่ยงต่าง ๆ รวมทั้งกำหนดชุดข้อมูลที่จำเป็นต้องมีและแหล่งที่มาของข้อมูล เพื่อให้ภาคส่วนต่าง ๆ สามารถวางแผนบริหารจัดการความเสี่ยงและแนวทางประสานงานร่วมกันรับมือกับปัญหาต่อไป

ทั้งนี้ สศช. จะนำข้อมูลที่ได้มาประมวล และพิจารณาจัดทำข้อมูลนำเข้าแพลตฟอร์ม TISEP เพื่อเติมเต็มชุดข้อมูลให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ในทุกมิติ ทั้งด้านสถานการณ์ ทุน และปัจจัยเสี่ยงของพื้นที่ต่อไป


ข่าวและภาพ : กองยุทธศาสตร์การพัฒนาความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม 


สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 962 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
โทรศัพท์ : 02-2804085 (40 คู่สาย) แฟกซ์ : 0-2281-3938 E-mail : pr@nesdc.go.th , webmaster@nesdc.go.th
นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์