เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยสายงานสังคม ร่วมกับกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ UNICEF ประเทศไทย และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การลงทุนในการพัฒนาทุนมนุษย์ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ จี สีลม เพื่อเป็นเวทีเผยแพร่ผลการศึกษาจากรายงาน "Human Capital Development: An Examination of Gaps, Bottlenecks and Policy Options” และแนวทางในการขับเคลื่อนประเด็นเชิงยุทธศาสตร์สำคัญด้านการพัฒนาทุนมนุษย์ภายใต้ทิศทางการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในประเด็นด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย การศึกษาและการพัฒนาประชากรวัยเรียน การพัฒนาทักษะที่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน และความคุ้มครองทางสังคมเพื่อการพัฒนาทุนมนุษย์ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมระดมความคิดเห็นในครั้งนี้รวมกว่า 70 คน
Miss Severine Leonardi รองผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย (UNICEF Thailand) กล่าวเปิดการประชุมฯ โดยชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ อาทิ สัดส่วนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อัตราการเกิดที่ต่ำ และปัญหาประสิทธิภาพในการสะสมทุนมนุษย์ ซึ่งทั้งหมดล้วนส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น การลงทุนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในประเด็นที่ยังเป็นคอขวด ซึ่งได้ระบุไว้ในยุทธศาสตร์จัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2569 เพื่อให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ และก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลางได้ต่อไป
ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง และนายวราวิชญ์ โปตระนันท์ นักวิจัยนโยบายด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง จากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) นำเสนอผลการศึกษาจากรายงาน "Human Capital Development: An Examination of Gaps, Bottlenecks and Policy Options” โดยเป็นการนำเสนอประเด็นช่องว่างและประเด็นที่เป็นคอขวดในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในแต่ละช่วงวัย ได้แก่ การดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัย พบว่า มีปัญหาภาวะแคระแกร็นและผอมแห้ง โดยเฉพาะเด็กที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนยากจน ภาวะน้ำหนักเกินในเด็กกรุงเทพฯ รวมทั้งเด็ก 1 ใน 4 มีพัฒนาการล่าช้า ปัญหาคอขวดที่สำคัญ คือ ขาดศูนย์บริการดูแลเด็กในช่วงอายุต่ำกว่า 2.5 ปี คุณค่าทางโภชนาการและสื่อกระตุ้นพัฒนาการในกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้น้อย การศึกษา พบว่า นักเรียนไทยมีทักษะการเรียนรู้พื้นฐาน ทักษะทางวิชาการที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากล และความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพระหว่างกลุ่มโรงเรียน รวมทั้งโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาระดับสูงและปัญหาคุณภาพการศึกษาที่ยังไม่ถึงระดับที่เหมาะสม ปัญหาคอขวดที่สำคัญ อาทิ ขาดสื่อการศึกษาคุณภาพสูงและบุคลากรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในโรงเรียนที่ด้อยโอกาส การส่งเสริมแนวคิดการพัฒนา (Growth mindset) ของนักเรียน ระบบสนับสนุนสำหรับเด็กด้อยโอกาส เยาวชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบการจ้างงาน การศึกษา หรือการฝึกอบรม (NEETs) เยาวชนในกลุ่มครัวเรือนยากจน เด็กที่มีความพิการ และกลุ่มชาติพันธุ์ มีแนวโน้มที่เป็น NEETs สูง ปัญหาคอขวดที่สำคัญ อาทิ นักเรียนที่ด้อยโอกาสไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอจากนโยบายการศึกษาฟรีและกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา คนพิการประสบกับความยากลำบากในการเข้าถึงการศึกษา นักเรียนกลุ่มชาติพันธุ์เผชิญกับอุปสรรคด้านภาษา การพัฒนาทักษะ พบว่า มีปัญหาความไม่สอดคล้องกันระหว่างการศึกษาและอาชีพ ทั้งการทำงานไม่ตรงสาขา และการทำงานต่ำกว่าระดับการศึกษา แรงงานได้รับการพัฒนาทักษะในสัดส่วนที่ต่ำ และการจัดอบรมทักษะพื้นฐานชีวิต (foundational skill) มีอยู่อย่างจำกัด ปัญหาคอขวดที่สำคัญ อาทิ ระบบแนะแนวอาชีพยังไม่มีประสิทธิภาพ คุณภาพของการศึกษาและหลักสูตรอบรมที่ไม่สามารถผลิตแรงงานที่มีคุณสมบัติตามความต้องการของตลาดงาน ปัญหาเชิงโครงสร้างในระบบเศรษฐกิจของไทยที่มีความต้องการแรงงานที่มีทักษะสูงไม่มากนัก และการขาดแรงจูงใจและค่าเสียโอกาสในการพัฒนาทักษะ
นางสาววรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้นำเสนอการลงทุนมนุษย์ที่สำคัญ ภายใต้ทิศทางการจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยได้นำเสนอช่องว่างในทางปฏิบัติ (Implementation Gaps) และนโยบายการจัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทุนมนุษย์ในยุทธศาสตร์จัดสรรงบประมาณด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม อาทิ การพัฒนาเด็กปฐมวัย ส่งเสริมการเตรียมความพร้อมพ่อแม่ก่อนการตั้งครรภ์ ส่งเสริมพัฒนาการสมวัยทุกด้าน พัฒนาศูนย์เด็กเล็ก/สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีคุณภาพ การพัฒนาช่วงวัยเรียนและวัยรุ่น การจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะพื้นฐานชีวิต (Foundational Skills) และแนวคิดแบบเติบโต (Growth mindset) เตรียมความพร้อมกำลังคนในระบบการศึกษาเพื่อเข้าสู่การประกอบอาชีพ การพัฒนาและยกระดับศักยภาพวัยแรงงาน ส่งเสริมการยกระดับศักยภาพทักษะและสมรรถนะของคนในช่วงวัยทำงานให้มีคุณภาพ โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการแพลตฟอร์มการพัฒนาฝีมือแรงงานและการจับคู่งาน ผ่านกลไกให้การอุดหนุนที่เป็นระบบเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาช่วงวัยผู้สูงอายุ พัฒนาระบบการออมเพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิตหลังเกษียณ การพัฒนาการเรียนรู้ ปรับเปลี่ยนระบบการเรียนรู้ให้มีทักษะในศตวรรษที่ 21 อย่างเป็นระบบ ปรับปรุงการผลิตครูให้มีคุณภาพ และพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต การคุ้มครองทางสังคมขั้นพื้นฐานและหลักประกันทางเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ ขยายระบบความคุ้มครองทางสังคมขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ด้อยโอกาส สร้างความเสมอภาคทางการศึกษา ส่งเสริมการสร้างหลักประกันสวัสดิการสำหรับแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบให้เข้าถึงระบบประกันสังคมอย่างทั่วถึง มาตรการแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะกลุ่ม พัฒนากลไกและระบบฐานข้อมูลในการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ และการจัดสวัสดิการชุมชนในรูปแบบพึ่งตนเอง
สรุปประเด็นสำคัญจากการสนทนาแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับแนวทางในการนำประเด็นเร่งด่วนด้านการลงทุนในการพัฒนาทุนมนุษย์สู่การปฏิบัติโดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ (1) การพัฒนาของเด็กปฐมวัย ปัจจัยท้าทายที่ส่งผลให้ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้เท่าที่ควร อาทิ การจัดเก็บ/รายงานข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายไม่เพียงพอ งบประมาณที่จำกัด การขาดการมีเป้าหมายร่วมกันและการดำเนินการพร้อมกันทุกภาคส่วน การสร้างแรงจูงใจให้เกิดการสร้าง/พัฒนาสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยและการเพิ่มสิทธิลาคลอดบุตรยังไม่เพียงพอ สถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย จำนวนเด็กเกิดน้อยลงส่งผลให้สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยหลายแห่งถูกยกเลิก/ยุบรวม ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเสนอโครงการที่มุ่งส่งเสริมการเกิดอย่างมีคุณภาพ การเตรียมความพร้อมในการตั้งครรภ์ และการพัฒนายกระดับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เข้าสู่กระบวนการพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ด้วยแล้ว (2) การศึกษาและการพัฒนาประชากรวัยเรียน ปัจจุบันในการออกแบบโครงการมีบางส่วนที่สอดคล้องกับข้อค้นพบของรายงานการศึกษาฯ ซึ่งผลจากการศึกษาจะช่วยให้มีข้อมูลในการปรับปรุงโครงการให้สมบูรณ์และสอดคล้องกับสภาพปัญหาที่พบได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังพบประเด็นข้อท้าทายที่จำเป็นต้องแก้ไขต่อไป อาทิ การพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของสถาบันการศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ทัดเทียมกับโรงเรียนในสังกัดอื่น ๆ การจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการใหม่ๆ ยังคงมีอย่างจำกัด การเสริมสร้างศักยภาพ ความเข้าใจและความตระหนักให้กับหน่วยงานในสังกัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ (3) การพัฒนาทักษะที่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน การดำเนินงานในปัจจุบันยังเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ คือ การขาดการบูรณาการข้อมูลการพัฒนากำลังคนและการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในการทำงานและได้รับการจัดสรรงบประมาณค่อนข้างจำกัด นอกจากนี้ การวางแผนพัฒนาทักษะแรงงานยังขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกรณีที่บุคคลต้องการเปลี่ยนแปลงอาชีพ ซึ่งยังไม่มีการวางแผนในระดับภาพรวมที่ชัดเจน เพื่อให้การพัฒนาทักษะแรงงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีฐานข้อมูลกลางเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการของตลาดแรงงาน การพัฒนาฝีมือแรงงานที่เชื่อมโยงกับสถานศึกษา โดยอาจเริ่มจากแพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้ว อาทิ E-Workforce Ecosystem Platform ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ในการพัฒนาทักษะแรงงานได้อย่างครอบคลุม และ (4) ความคุ้มครองทางสังคมเพื่อการพัฒนาทุนมนุษย์ การเชื่อมโยงฐานข้อมูลการคุ้มครองทางสังคมมีอุปสรรคสำคัญในการดำเนินงานที่สำคัญ 3 ด้านคือ ด้านเทคนิค ด้านบุคลากร และงบประมาณด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลให้แต่ละหน่วยงานมีความพร้อมไม่เท่ากัน ประกอบกับการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) จึงทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันได้ นอกจากนี้ สวัสดิการสำหรับกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ยังไม่เพียงพอและไม่ทั่วถึง เนื่องจากขาดข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนผู้รับผลประโยชน์ ทำให้การจัดสรรงบประมาณและการให้บริการไม่ตรงจุด จึงควรบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข่าว : กองยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสังคม
ภาพ : เมฐติญา วงษ์ภักดี |