ข่าวสาร/กิจกรรม
|
สภาพัฒน์ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การวิเคราะห์สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ของประเทศไทยโดยการประยุกต์ใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา"
วันที่ 8 ก.พ. 2566 (จำนวนผู้เข้าชม 129)
|
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยสายงานสังคมได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "การวิเคราะห์สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ของประเทศไทยโดยการประยุกต์ใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” ณ โรงแรม Siam@Siam Design Hotel Bangkok และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ Zoom Meeting เพื่อนำเสนอร่างผลการศึกษาการวิเคราะห์สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ของไทยโดยอาศัยข้อมูลจากการสำรวจที่ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงจากฐานข้อมูลภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เข้าร่วมประชุมต่าง ๆ โดยมี นางสาววรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ ซึ่งการประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าว ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิในภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (1) ศ.ดร.อารยะ ปรีชาเมตตา คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (2) ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ และ (3) ดร.ปัณณ์ อนันอภิบุตร สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง มาร่วมวิพากษ์ผลการศึกษาและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น พร้อมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสถาบันการศึกษา อาทิ สำนักงานสถิติแห่งชาติ กรมสรรพากร สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมแลกเปลี่ยนประเด็นและความเห็นเพื่อต่อยอดการศึกษาวิจัยให้มีความแม่นยำและสอดคล้องกับบริบทของประเทศ เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการจัดทำและออกแบบนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำของประเทศต่อไป
การประชุมเชิงปฏิบัติการเป็นการนำเสนอผลการศึกษา Policy Research Working Paper 001 เรื่อง "การวิเคราะห์สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ของประเทศไทยโดยการประยุกต์ใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” โดย นายวัชรพล ว่องนิยมเกษตร นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ของประเทศไทยในช่วงปี 2549 – 2562 ผ่านการใช้ข้อมูลจากการสำรวจที่ปรับปรุงแล้ว โดยอาศัยข้อมูลเงินได้บุคคลธรรมดาจากฐานข้อมูลภาษีและข้อมูลรายได้ประชาชาติเป็นเครื่องมือสำคัญในกระบวนการปรับปรุง ผลการศึกษาพบว่า แนวโน้มความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ของไทยยังคงทรงตัวในระดับสูงตลอดช่วงระยะเวลาดังกล่าว และแตกต่างจากแนวโน้มความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ที่ประมวลผลจากข้อมูลชุดเดิมในอดีต รวมทั้งชี้ให้เห็นความแตกต่างของผลการศึกษาระหว่างข้อมูลชุดใหม่กับข้อมูลชุดเดิมในประเด็นต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น ความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้จำแนกตามกลุ่มระดับรายได้ของประชากร จำแนกตามพื้นที่ ภูมิภาค และจังหวัด เป็นต้น และข้อจำกัดหรือข้อพึงระมัดระวังของการนำข้อมูลชุดใหม่ไปใช้ในการวิเคราะห์ประเด็นต่าง ๆ
นอกจากนี้ ผู้ทรงคุณวุฒิได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นที่สำคัญ ดังนี้ ศ.ดร.อารยะ ปรีชาเมตตา กล่าวว่า ผลการศึกษาจากข้อมูลชุดใหม่สะท้อนว่า แนวโน้มความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ของไทยในช่วงดังกล่าวมีลักษณะค่อนข้างคงที่หรือไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก สอดคล้องกับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างชัดเจน ส่งผลให้สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน รวมทั้งชี้ให้เห็นว่า ความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาคส่วนหนึ่งเป็นผลจากการกระจุกตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในบางพื้นที่หรือบางจังหวัดในแต่ละภูมิภาค เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก ภาคกลาง เป็นต้น ทำให้มีความแตกต่างระหว่างภูมิภาคอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ยังพยายามตั้งประเด็นสำคัญสำหรับการขยายผลการศึกษาต่อไป โดยเฉพาะการวิเคราะห์ในช่วงภายหลังปี 2562 ที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าควรมีการใช้แนวทางการศึกษานี้ต่อไปอย่างไร ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นโดยการชี้ให้เห็นว่า ปัญหาการเข้าถึงกลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้สูงของการสำรวจค่อนข้างเป็นปัญหาที่สำคัญและมีแนวโน้มสูงมากขึ้นโดยปรากฎการณ์ดังกล่าวยังเกิดขึ้นในประเทศต่าง ๆ อีกหลายประเทศ ซึ่งกระบวนการจัดทำข้อมูลการสำรวจจำเป็นต้องให้ความสำคัญ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้อมูลในกลุ่มที่มีรายได้ไม่สูง ข้อมูลจากการสำรวจค่อนข้างมีความครอบคลุมและเป็นตัวแทนที่ดี สามารถสะท้อนได้อย่างชัดเจนและเหมาะสม รวมทั้งพยายามสะท้อนให้เห็นความสำคัญของการวิเคราะห์สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้โดยการขยายขอบเขตการวิเคราะห์ด้วยการจำแนกออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ อาทิ กลุ่ม Top 5 % กลุ่ม Bottom 10% กลุ่ม Bottom 5% เพื่อช่วยให้เห็นภาพสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น และ ดร.ปัณณ์ อนันอภิบุตร กล่าวถึง การปรับปรุงข้อมูลจากการสำรวจด้วยข้อมูลเงินได้พึงประเมินจากฐานข้อมูลภาษีจะช่วยให้การวิเคราะห์สถานการณ์ความเหลื่อมล้ำชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ยังคงมีข้อสังเกตบางประการต่อข้อมูลภาษีที่นำมาใช้ เช่น ระดับรายได้จากทรัพย์สินของผู้ยื่นแบบมีมูลค่าน้อยกว่าความเป็นจริงเพราะอาศัยช่องว่างทางกฎหมาย การรายงานรายได้ของกลุ่มประกอบอาชีพอิสระต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นต้น นอกจากนี้ ในส่วนของนโยบายการแก้ไขปัญหาการมุ่งเน้นประเด็นทางด้านความยากจนอาจสามารดำเนินการได้ง่ายกว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากระดับความซับซ้อนของปัญหาทางด้านความเหลื่อมล้ำที่สูงกว่า และประเด็นทางด้านประสิทธิภาพของเครื่องมือทางด้านงบประมาณที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสมมากกว่าการอาศัยปัจจัยทางด้านภาษีที่ค่อนข้างมีบทบาทจำกัด รวมทั้งเสนอให้เห็นถึงความหลากหลายของเครื่องมือทางการคลังที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงตามปัจจัยที่เกิดขึ้น
ข่าว : กองพัฒนาข้อมูลและตัวชี้วัดสังคม
ภาพ : เมฐติญา วงษ์ภักดี
|