เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2568 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยกองยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่องความท้าทายในการบริหารและวิเคราะห์การลงทุนในระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะภายใต้การดำเนินงานของการไฟฟ้า โดยมีนางภาวิณา อัศวมณีกุล รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานในการกล่าวเปิดการสัมมนาเพื่อเตรียมความพร้อมบุคลากรในการวิเคราะห์โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับความผันผวนของพลังงานหมุนเวียนและการขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า ณ ห้องประชุมสิปปนนท์ เกตุทัต อาคาร 4 ชั้น 1 งานสัมมนาในครั้งนี้ผู้เข้าร่วมประชุมจากทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมทั้งสิ้นประมาณ 50 คน
รองเลขาธิการฯ กล่าวว่า สศช. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่น (Resilience) เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป โดยการสัมมนาในครั้งนี้มุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่จากหน่วยงานปฏิบัติสู่ผู้วิเคราะห์นโยบาย เพื่อให้การกลั่นกรองโครงการลงทุนภาครัฐเกิดความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยในงานมีการบรรยายถ่ายทอดองค์ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ดังนี้
คุณวัชรินทร์ ยกย่อง ผู้แทนจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้อธิบายเกี่ยวกับความสำคัญของระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะต่อการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยได้ฉายภาพรวมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย (พ.ศ. 2558 – 2579) และแผนที่เกี่ยวข้อง ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนผ่าน 5 เสาหลัก ได้แก่ การตอบสนองด้านโหลดและระบบบริหารจัดการพลังงาน (DR & EMS) การพยากรณ์ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานหมุนเวียน (RE Forecast) ระบบไมโครกริดและโปรซูเมอร์ (Microgrid & Prosumer) และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) และการบูรณาการยานยนต์ไฟฟ้า (EV Integration) รวมทั้งแผนอำนวยการสนับสนุนเพื่อรองรับการรูปแบบกิจการไฟฟ้าของไทยไปสู่ความยั่งยืน
นายสันติ ปัญญาสมบัติ และนายภูมินัฐ สงวนวิชัยกุล ผู้แทนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำเสนอแนวทางการบริหารจัดการความผันผวนของพลังงานหมุนเวียน โดยชูบทบาทของ โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ (Pumped Storage Hydro) ซึ่งเปรียบเสมือน “แบตเตอรี่น้ำ” (Water Battery) ขนาดใหญ่ที่มีต้นทุนต่อหน่วยต่ำและอายุการใช้งานยาวนาน ช่วยกักเก็บพลังงานส่วนเกินและจ่ายไฟในช่วงความต้องการสูง
นายเชาวลิต กวีวัจน์ และนายวริทธิ์ รัชตโกมุท ผู้แทนจาก กฟผ. ได้นำเสนอแนวทางการออกแบบระบบพลังงานหมุนเวียนแบบมั่นคง (Firm RE) ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย RE100 ในระดับจังหวัดลพบุรี การนำเสนอครอบคลุมการประเมินศักยภาพพลังงานชีวมวลจากภาคเกษตร การวิเคราะห์เชิงพื้นที่ด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ และการออกแบบความสัมพันธ์ระหว่างกำลังผลิตชีวมวลกับขนาดของแบตเตอรี่ เพื่อรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในระยะยาว
นายณัฐวร พัฒนาค ผู้แทนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้นำเสนอ OLART-D (On-Load Active Regulation Transformer for Distribution) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถปรับหม้อแปลงไฟฟ้าให้สามารถแก้ไขปัญหาแรงดันไฟฟ้าเกิน (Overvoltage) จากการติดตั้ง Solar Rooftop และความไม่สมดุล (Unbalance) ในหม้อแปลงไฟฟ้าจากการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นางสาวสุพัตรา สุนทรกรันต์ และนายสิทธินันท์ ม้วนชาวนา ผู้แทนจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้นำเสนอการเตรียมความพร้อมรองรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยได้วิเคราะห์ผลกระทบและการเตรียมความพร้อมรองรับ EV Ecosystem ในเขตเมือง โดยเน้นการบริหารจัดการผ่านเทคโนโลยี Smart Charging เพื่อลดผลกระทบต่อหม้อแปลงไฟฟ้าในช่วงที่มีการชาร์จพร้อมกัน (Peak Load) นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอผลการทดสอบ ผลกระทบด้านคุณภาพไฟฟ้า (Power Quality) จากเครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (AC Charger) ในรถยนต์รุ่นต่างๆ เพื่อกำหนดแนวทางการลดผลกระทบจาก Harmonics, Unbalance และ Voltage Drop ที่อาจส่งผลต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ในระบบ
การสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการความรู้ระหว่างหน่วยงานวางแผนนโยบายและหน่วยงานปฏิบัติ เพื่อให้การวางแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศมีความสอดคล้องกับทิศทางเทคโนโลยีโลกและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในภาพรวม
ข่าว : กองยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)
ภาพ : จักรพงศ์ สวภาพมงคล/กองยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)