Accessibility

Accessibility Options

การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาวิธีการจัดเก็บ วิเคราะห์ข้อมูลอุปสงค์แรงงาน และติดตามประเมินผลการพัฒนาทักษะแรงงานจากตัวอย่างการดำเนินงาน (Good Practice) ของเจเนเรชั่น ประเทศไทย

          เมื่อวันที่ 16 – 17 กันยายน 2568 นางสาวศศิธร พลัตถเดช รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาวิธีการจัดเก็บ วิเคราะห์ข้อมูลอุปสงค์แรงงาน และติดตามประเมินผลการพัฒนาทักษะแรงงานจากตัวอย่างการดำเนินงาน (Good Practice) ของเจเนเรชั่น ประเทศไทย ณ ห้องประชุมหลานหลวง โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง โดยมีผู้แทนหน่วยงานทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาข้อมูลอุปสงค์และอุปทานด้านแรงงาน รวมทั้งพัฒนาทักษะแรงงาน รวมกว่า 80 คน จากประมาณ 20 หน่วยงาน เช่น สศช. หน่วยงานภายใต้กระทรวงแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อนำแนวทางการดำเนินการของเจเนเรชั่นฯ ไปประยุกต์ใช้และสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน

          นางสาวศศิธร พลัตถเดช รองเลขาธิการ สศช. ได้ย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาด้านผลิตภาพแรงงานซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศในมิติต่าง ๆ แต่ยังคงเป็นจุดอ่อนของประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนผ่านการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันโดยสถาบัน IMD ดังนั้น ในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 2567-2568) สศช. จึงได้ศึกษาเชิงลึกและจัดกระบวนการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยมุ่งหวังว่าการยกระดับผลิตภาพแรงงานไทยให้มีศักยภาพสูงและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากขึ้น และพบว่าประเด็นการพัฒนาผลิตภาพแรงงานสำคัญที่ควรเริ่มดำเนินการก่อนคือ “การพัฒนาข้อมูลอุปสงค์แรงงานของประเทศ” เพื่อให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสามารถกำหนดแนวทางการพัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการบุคลากรได้

          การศึกษาพบว่าองค์กรเพื่อสังคม เจเนเรชั่น ประเทศไทย มีวิธีการและเครื่องมือที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลอุปสงค์แรงงานของสถานประกอบการ โดยการสำรวจเพื่อชี้เป้าปัญหาด้านแรงงานหรือ Demand Diagnostic และการทำความเข้าใจแรงงานหรือผู้เรียน เพื่อนำไปสู่แนวทางจัดทำหลักสูตรที่ผนวกทักษะเชิงเทคนิค เชิงพฤติกรรม และความเชื่อที่มีผลต่อพฤติกรรมไว้ด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายและมีการทำงานบนฐานข้อมูลอย่างเป็นระบบ อีกทั้งยังเป็นองค์กรที่ก่อตั้งจากบริษัทที่ปรึกษา McKinsey & Company ซึ่งมีพื้นฐานการทำงานด้านการวิจัยอย่างเข้มข้น รวมทั้งมีเครือข่ายการทำงานในรูปแบบเดียวกับเจเนเรชั่น ประเทศไทยในอีก 17 ประเทศ โมเดลการทำงานของเจเนเรชั่น ประเทศไทยจึงมีศักยภาพในการขยายผลเป็นต้นแบบของการพัฒนาผลิตภาพแรงงานในภาพรวมของประเทศไทย

          คุณปุณยนุช พัธโนทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจเนเรชั่น ประเทศไทย ได้กล่าวแนะนำบทบาทของเจเนเรชั่นฯ ในการเป็นองค์กรที่ช่วยสร้างโอกาสอาชีพที่มีความหมายและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน โดยมุ่งเน้นกลุ่มคนที่ขาดโอกาสในการสมัครงาน แต่มีแรงจูงใจและแนวคิดที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน เช่น กลุ่มคนที่ต้องการย้ายสายงาน ผู้ที่ต้องการทำงานหลังเกษียณอายุ โดยเป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างคนหางานและผู้ประกอบการผ่านการพัฒนาเตรียมความพร้อมด้วย “Bootcamp” ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคประชาสังคม ด้วย 7 Steps Model ที่ครอบคลุมการทำความเข้าใจผู้ประกอบการ การคัดเลือกผู้เรียน การฝึกอบรม การให้คำปรึกษาและติดตามผลสำเร็จหลังจบโครงการ รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนปัญหาและแนวทางแก้ไขด้านทรัพยากรบุคคลในระดับอุตสาหกรรม การตั้งเป้าหมายหลัก (NorthStar Metric) เพื่อตอบโจทย์ผลลัพธ์ในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม เช่น สัดส่วนการได้งานของผู้เรียนใน 90 วัน จำนวนตำแหน่งที่รับผู้เรียนเข้าทำงาน ผลประโยชน์ที่มีคุณค่าต่อเศรษฐกิจและสังคม

          ในวันที่ 16 กันยายน 2568 เจเนเรชั่นฯ ได้มุ่งเน้นถ่ายทอดกรอบแนวคิดการการหาความต้องการของอุตสาหกรรมหรืออาชีพ (Demand Diagnostic) เพื่อวิเคราะห์ถึงทักษะอาชีพที่ควรลงทุนเพื่อพัฒนา โดยมีการวิเคราะห์ภาพกว้าง จนถึงการคัดกรองอาชีพที่ควรเลือกพัฒนา รวมทั้งนำเสนอแหล่งข้อมูลที่สำคัญจากทั้งในและต่างประเทศ และมีกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมได้ทดลองวิเคราะห์ข้อมูลอุปสงค์ของภาคอุตสาหกรรมในรูปแบบการจำลองสถานการณ์จากแหล่งข้อมูลจริง หรือ กิจกรรม Profession Diagnostic Simulation ที่มีแนวคิดและวิธีการวิเคราะห์ความต้องการ ทำความเข้าใจปัญหารูปแบบต่าง ๆ ของผู้ประกอบการ รวมทั้งมีเครื่องมือจัดเก็บข้อมูลความต้องการและการประเมินสถานความพร้อมของข้อมูล หรือการประเมินไฟ 3 สี จากนั้นผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้การหาความต้องการของอุตสาหกรรมและทักษะ 3 ทักษะหลัก ได้แก่ กรอบความคิด ทักษะด้านพฤติกรรม และทักษะด้านเทคนิค เพื่อให้สามารถถอดลักษณะการทำงานของผู้ที่มีศักยภาพสูงในสาขาอาชีพต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ โดยได้ทดลองจำแนกทักษะและสัมภาษณ์จากตัวอย่างผู้ประกอบการจริง และคนทำงานในสายอาชีพจริง และในช่วงท้ายรวมทั้งร่วมกันออกแบบพัฒนาแพลตฟอร์มเก็บข้อมูลกลางที่ตอบโจทย์การพัฒนาทักษะของประเทศในภาพรวม

          สำหรับวันที่ 17 กันยายน 2568 การประชุมเชิงปฏิบัติการยังคงมีรูปแบบการดำเนินกิจกรรมต่อเนื่อง โดยมีการนำเสนอแนวคิดและเครื่องมือการศึกษาตลาดแรงงานเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายและปิดช่องว่างทางทักษะ การจัดเก็บข้อมูลที่รองรับการบริหารจัดการแรงงาน และทำความเข้าใจปัญหาของผู้ประกอบการที่นำไปสู่ช่องว่างในตลาดแรงงานในปัญหาหลัก ได้แก่ การขาดแคลนคนทำงาน การขาดคุณภาพ การคงอยู่ในงาน และการเติบโตอย่างรวดเร็วขององค์กร พร้อมทั้งเรียนรู้ตัวอย่างการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากผู้ประกอบการดิจิทัล การดูแลผู้สูงอายุ และยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสรุปปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาจากการพัฒนาทักษะแรงงาน ตลอดจนการถ่ายทอดระบบการติดตามประเมินผลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบการพัฒนาที่ผู้เข้าร่วมสามารถประยุกต์กับโครงการพัฒนาทักษะแรงงานต่อไปได้

          ตลอดการประชุมฯ ทั้ง 2 วัน ผู้เข้าร่วมได้รับได้เรียนรู้เครื่องมือและวิธีการจากเจเนเรชั่น ตลอดจนได้สะท้อนการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อให้เห็นภาพการพัฒนา
ต่อยอดสู่การดำเนินจริงทั้งในด้านการพัฒนาการจัดทำข้อมูลด้านแรงงาน การแลกเปลี่ยนข้อมูลและการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนแผนการประยุกต์ใช้องค์ความรู้และเครื่องมือที่ได้จากการประชุมเชิงปฏิบัติการกับการดำเนินการของแต่ละหน่วยงานต่อไป

ภาพ : จักรพงศ์  สวภาพมงคล
ข่าว : กองยุทธศาสตร์และประสานการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน (กพข.)