เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 นางสาวศศิธร พลัตถเดช รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “โครงการพัฒนานวัตกรรมเชิงนโยบายอย่างเป็นระบบเชื่อมโยง (System and Portfolio Approach) เพื่อการส่งเสริมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเป้าหมายเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าโลก (Global Value Chain) ระยะที่ 2” ณ ห้องประชุม Nimman Convention Centre โรงแรมยู นิมมาน เชียงใหม่โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการ รวมกว่า 80 คนเข้าร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อยกระดับศักยภาพการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายสู่การปฏิบัติในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (NEC)
นางสาวศศิธร พลัตถเดช รองเลขาธิการ สศช. กล่าวย้ำความสำคัญการแก้ไขปัญหาความกระจุกตัวของการพัฒนาอุตสาหกรรมในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคตะวันออก พร้อมผลักดันแนวนโยบายกระจายการพัฒนาและการจ้างงานสู่ “ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค” โดยเฉพาะระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และลำปาง) ที่กำหนดคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย 4 ด้าน ได้แก่ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมดิจิทัลการท่องเที่ยวและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ซึ่งมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรมและกลไกสนับสนุนผู้ประกอบการในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม โดยโครงการพัฒนานวัตกรรมเชิงนโยบายอย่างเป็นระบบเชื่อมโยง (System and Portfolio Approach) ได้ประยุกต์ใช้เครื่องมือนวัตกรรมนโยบายจากห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (Thailand Policy Lab) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ UNDP เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพ คัดเลือกอุตสาหกรรมและพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงสุด ศึกษาสภาพแวดล้อม ค้นหาปัญหาและอุปสรรคของผู้ประกอบการ รวมถึงข้อจำกัดของภาครัฐ และจัดทำชุดข้อเสนอเชิงนโยบายที่ตอบโจทย์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายสู่ห่วงโซ่มูลค่าโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งคาดหวังให้เวทีวันนี้เป็นฐานสำคัญในการรวบรวมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนเพื่อนำไปสู่การยกระดับระบบนิเวศนวัตกรรมของอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม มั่นคง และยั่งยืน
นายอธิพงศ์ หิรัญเรืองโชค ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และประสานการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน สศช. ได้กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการระยะที่ 1 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567) ซึ่งเน้นการศึกษาศักยภาพพื้นที่และผู้ประกอบการ พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ขณะที่โครงการฯ ระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568) มุ่งวิเคราะห์สถานการณ์และอุปสรรคเชิงระบบเพื่อนำไปสู่การจัดทำชุดข้อเสนอเชิงนโยบายและมาตรการที่หนุนเสริมกันอย่างเป็นระบบ และย้ำถึงบทบาทเวทีวันนี้ให้เป็นพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อกลั่นกรองข้อเสนอให้รอบด้านและพัฒนาเป็นต้นแบบกระบวนการมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายที่สามารถขยายผลสู่พื้นที่อื่น ๆ ด้วย
ต่อจากนั้น นายองอาจ รุกขวัฒนกุล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน สศช. ได้นำเสนอผลการศึกษาครอบคลุม 6 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ (1) ภาพรวมโครงการ (2) ผลการศึกษาระยะที่หนึ่ง (3) ผลการศึกษาระยะที่สอง (4) แผนภาพเส้นทางของระบบนิเวศอุตสาหกรรมอาหารในระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (5) การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาด้วยเครื่องมือ Priority Matrix และ (6) ชุดข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อเชื่อมโยงนวัตกรรมและยกระดับผู้ประกอบการเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าโลกอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลการศึกษาอาศัยกรอบการวิเคราะห์เชิงระบบ อาทิ การวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคควบคู่กับการจัดทำแผนผังระบบและการวิเคราะห์ช่องว่าง ตลอดจนการดำเนินงานแบบมีส่วนร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อนำไปสู่มาตรการเชิงบูรณาการและรายงานถอดบทเรียนสำหรับการขยายผลในระยะต่อไป
ในช่วงเวทีเสวนาการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารในพื้นที่ NEC ระยะต่อไป โดยมี นายนิติ ช่างภิญโญ ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์การผลิตและบริการ สศช. เป็นผู้ดำเนินรายการ และผู้แทนจากภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และหน่วยงานสาธารณสุข ได้แก่ ผู้แทนบริษัท มาร์ค ริณ ช็อกโกแลต จำกัด ผู้แทนบริษัท ลานนาเกษตรอุตสาหกรรม จำกัด ผู้แทนจากศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมทางการเกษตรสำหรับบัณฑิตผู้ประกอบการ (Agri Inno) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และผู้แทนจากกลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและกลุ่มงานพัฒนาระบบบริการสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันเสวนาและให้ความเห็นพร้อมทั้งระบุประเด็นเร่งรัดการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารในพื้นที่ อาทิ การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยอาหารให้สอดรับตลาดสากล (เช่น GHP, HACCP, GFSI, Halal/Kosher) ควบคู่การพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อระบบตรวจสอบย้อนกลับ การปรับปรุงกฎระเบียบและผังเมืองให้เอื้อต่อการขยายกิจการของ SMEs การพัฒนากลไกพี่เลี้ยงและ One-Stop Service ในภูมิภาค การผลักดันงานวิจัยสู่ระดับพร้อมใช้เชิงพาณิชย์ (TRL 6–9) พร้อมสร้างเครือข่ายผู้ให้บริการนวัตกรรม ตลอดจนการสนับสนุนการตลาดต่างประเทศ การส่งเสริมการใช้ GI และ Soft Power ของอาหารไทย และการพัฒนานักนวัตกรรมอาหารควบคู่แนวทาง ESG เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเชื่อมโยงสู่ห่วงโซ่มูลค่าโลกอย่างยั่งยืน
การดำเนินการขั้นต่อไป สศช. จะรวบรวมข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเวทีครั้งนี้ นำไปจัดลำดับความสำคัญและปรับปรุงชุดข้อเสนอเชิงนโยบายให้ครบถ้วน รอบด้านและดำเนินการได้จริง ก่อนสรุปเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์เพื่อเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและใช้เป็นกรอบขับเคลื่อนในระดับพื้นที่และระดับประเทศ โดยจะดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอย่างเป็นระบบควบคู่การสังเคราะห์ข้อเสนอเชิงระบบที่เชื่อมโยงนโยบายระดับชาติสู่การปฏิบัติในพื้นที่อย่างบูรณาการ พร้อมจัดทำต้นแบบกระบวนการมีส่วนร่วมด้านนโยบายเพื่อทดสอบในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือและเตรียมการขยายผลสู่ระเบียงเศรษฐกิจอื่น ๆ ในระยะต่อไป
ข่าว/ ภาพ: กองยุทธศาสตร์และประสานการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน (กพข.)