Accessibility

Accessibility Options

สศช. จัดรับฟังความคิดเห็นในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมนำข้อมูลที่ได้รับไปประกอบการจัดทำกรอบแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2571 – 2575) ต่อไป

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิในระดับพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศร่วมกัน พร้อมนำความเห็นไปประกอบการจัดทำกรอบแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2571 – 2575) โดย สำนักงานฯ ได้เริ่มกระบวนการรับฟังความคิดเห็นระดับพื้นที่เป็นครั้งแรก เมื่อเดือนมีนาคม ร่วมกับกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ณ จังหวัดขอนแก่น และได้ดำเนินการต่อเนื่องจนครบทั้ง 18 กลุ่มจังหวัด ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยกลุ่มจังหวัดสุดท้าย คือ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ซึ่งการรับฟังความคิดเห็นได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ทรงคุณวุฒิในพื้นที่จากหลากหลายภาคส่วน อาทิ หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัด สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้าจังหวัด (YEC) และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ โดยมีประเด็นความเห็นที่สำคัญสรุปได้ดังนี้
 
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 (อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ) : เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 นางสาววรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการฯ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สศช. เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ณ โรงแรมเซ็นทาราจังหวัดอุบลราชธานี โดยที่ประชุมได้แสดงความคิดเห็นถึงทิศทางการพัฒนาประเทศที่ต้องให้ความสำคัญ อาทิ การจัดการทรัพยากรตลอดห่วงโซ่อุปทานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะในภาคการเกษตรที่ควรสนับสนุนตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุกมิติ โดยมุ่งเน้นการยกระดับระบบการศึกษาและองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและ AI ให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ตลอดจนการสร้างความเชื่อมั่นต่อสถาบันภาครัฐ ด้วยการยกระดับธรรมาภิบาล ตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง และส่งเสริมการใช้ทั้งหลักนิติธรรม (Rule of Law) ควบคู่กับหลักนิติรัฐ (Legal State) เพื่อสร้างความเป็นธรรมและความเสมอภาคให้เกิดขึ้นในสังคมไทย นอกจากนี้ ยังเสนอแนะให้มีการนำแผนฯ 14 ไปทำการทดลองในพื้นที่ทดลอง (Sandbox) กับกลุ่มต่าง ๆ อาทิ กลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มภาคเอกชน และภาคราชการ โดยเลือกโครงการสำคัญนำไปทดลองดำเนินการ รวมทั้งนำองค์ความรู้จากงานวิจัยในระดับพื้นที่ไปใช้ประโยชน์ เพื่อให้สามารถเข้าใจปัญหาและกำหนดแนวทางแก้ไขได้อย่างตรงจุด พร้อมทั้งมีระบบติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
 
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู เลย และบึงกาฬ) : เมื่อวันพุธที่ 14 พฤษภาคม 2568 นางสาวศศิธร พลัตถเดช รองเลขาธิการฯ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สศช. เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นกับผู้ทรงคุณวุฒิในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน 1 ณ โรงแรมเวลาดี จังหวัดอุดรธานี โดยที่ประชุมฯ ให้ความสำคัญกับจุดเน้นการพัฒนาที่ครอบคลุมหลายมิติ ดังนี้ การพัฒนาต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคเกษตรด้วยนวัตกรรมและประยุกต์ใช้แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) การพัฒนาแพทย์แผนไทยและยกระดับผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย อาหารและสินค้าพื้นเมือง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่กับการบริการเชิงสุขภาพ การยกระดับคุณภาพการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ ทั่วถึงและเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งการเร่งปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัยและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันและปลูกฝังค่านิยมคุณธรรมที่ถูกต้อง ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็น ในการพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้สามารถเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
 
กลุ่มจังหวัดตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และสุรินทร์) : เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 นางภาวิณา อัศวมณีกุล รองเลขาธิการฯ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สศช. เปิดเวทีหารือรับฟังความเห็นร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 โดยที่ประชุมให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะกลุ่ม เด็ก เยาวชน และผู้สูงวัย โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้ AI อย่างสร้างสรรค์และมีวิจารณญาณ การส่งเสริมภาคเกษตรและการท่องเที่ยวด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์ในการสร้างมูลค่าเพิ่ม อาทิ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ด้านการท่องเที่ยว การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนการผลิตในภาคการเกษตร และการสร้างข้อมูลกลางด้านการท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์บนช่องทางที่มีความหลากหลาย การยกระดับคุณภาพการศึกษาและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน (Upskill & Reskill) ให้ตรงกับความต้องการของตลาด พร้อมทั้งปรับปรุงและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่กับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ได้มีการเสนอให้มีการเชื่อมโยงแผนระดับชาติสู่ระดับท้องถิ่น เพื่อให้แผนพัฒนาฯ มีการนำไปใช้ประโยน์ได้จริง ตลอดจนจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมกับพื้นที่ และจัดทำการสื่อสารแผนให้ประชาชนสามารถเข้าใจง่ายผ่านช่องทางที่เข้าถึงได้สะดวก
 
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) : เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นางสาวศศิธร พลัตถเดช รองเลขาธิการฯ พร้อมด้วยนางสาวจินนา ตันศราวิพุธ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สศช. เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิในกลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนบน 2 ณ โรงแรมเอ็ม เจ เดอะมาเจสติค จังหวัดสกลนคร โดยที่ประชุมฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และส่งเสริมการเรียนรู้แก่คนทุกช่วงวัย การยกระดับผู้ประกอบการ SME ด้วยการอบรมทักษะและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน พร้อมทั้งสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำเพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจในพื้นที่ ตลอดจนการปรับกระบวนการทำงานของภาครัฐให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยการสร้างแพลตฟอร์มฐานข้อมูลกลางภาครัฐ (One Platform) เพื่อสนับสนุนการใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาประเทศ และการปรับปรุงระเบียบกฎหมายให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังได้เสนอแนะให้การขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯ ควรจัดทำกลยุทธ์การสื่อสารแผนพัฒนาฯ ให้สามารถเข้าใจง่าย โดยประยุกต์ใช้สื่อเข้ามาช่วยการประชาสัมพันธ์ให้แผนสามารถลงถึงระดับพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจในและสร้างแรงจูงใจในการนำแผนพัฒนาฯ มาขับเคลื่อนและเกิดประโยชน์ถึงระดับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างแท้จริง
 
โดยสรุป ผู้ทรงคุณวุฒิในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความเห็นว่า กรอบแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 ควรมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภาคการเกษตร โดยสนับสนุนทรัพยากรตลอดห่วงโซ่อุปทาน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยการยกระดับคุณภาพการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้ทั่วถึงและเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก การปรับกระบวนการทำงานของภาครัฐให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยการสร้างแพลตฟอร์มฐานข้อมูลกลางภาครัฐ (One Platform) เพื่อสนับสนุนการใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาประเทศ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นต่อสถาบันภาครัฐ ด้วยการยกระดับธรรมาภิบาล ตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง 
 
ในขั้นตอนต่อไป สศช. จะนำความเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับไปใช้ประกอบการวิเคราะห์และประมวลผล โดยที่ในระหว่างนี้ ภาคีการพัฒนาทุกภาคส่วนสามารถเข้ามาให้ความเห็นเพิ่มเติมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่คาดว่าจะสามารถเปิดให้ทุกภาคส่วนเข้ามาแสดงความเห็นและให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ทั้งนี้ สศช. จะนำเรียนความก้าวหน้าการดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 อย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ผ่านช่องทางการสื่อสารหลักของ สศช. โดยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 ได้ที่ กองศึกษาและวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ (กศว.) โทร 02 280 4085 ต่อ 4425 หรือ srd@nesdc.go.th
 
ข่าว: กองศึกษาและวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ (กศว.)
ภาพ: กลุ่มประชาสัมพันธ์และห้องสมุดสุริยานุวัตร (ปส.) และสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สพอ.)