เมื่อวันที่ 4 และ 5 เมษายน 2567 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาไท (มพท.) เปิดเวที “เชื่อมเครือข่าย ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาวุฒิอาสาธนาคารสมอง ระดับกลุ่มจังหวัด” เพื่อส่งเสริมการรวมกลุ่มการทำงานและสร้างเครือข่ายการทำงานในระดับพื้นที่ของวุฒิอาสาฯ ในการเป็นพลังร่วมพัฒนาประเทศ ตามเป้าหมายการพัฒนาของกลุ่มจังหวัด โดยเปิดเวทีระดมความคิดเห็นประเด็นการขับเคลื่อนงานของวุฒิอาสาฯ ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ในวันที่ 4 เมษายน 2567 ณ โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ในวันที่ 5 เมษายน 2567 ณ โรงแรมเวียงอินทร์ จังหวัดเชียงราย ผู้ร่วมประชุมประกอบด้วย วุฒิอาสาฯ จากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน) วุฒิอาสาฯ จากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย แพร่ น่าน พะเยา) ผู้บริหาร สศช.กรรมการมูลนิธิพัฒนาไท เจ้าหน้าที่ สศช. และ มพท. จำนวนประมาณ 80 คน/เวที
นางสาววรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้นำเสนอเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาคเหนือ สถานการณ์การพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด สถานการณ์ด้านประชากรที่สำคัญ การพัฒนาคนตามดัชนีความก้าวหน้าของคน (HAI) ใน 8 มิติ อาทิ มิติด้านการศึกษา มิติด้านสุขภาพ และมิติด้านชีวิตการทำงาน พร้อมทั้งปัญหาและความท้าทายที่สำคัญ ตลอดจนการขับเคลื่อนงานของวุฒิอาสาฯ โดยกล่าวว่าเป้าหมายและแนวทางพัฒนาภาคเหนือ (พ.ศ. 2566-2570) ได้ให้ความสำคัญสู่การเป็น “ฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ” โดยมีแนวทางการพัฒนา อาทิ NEC – Creative LANNA การยกระดับการท่องเที่ยวและบริการที่มีศักยภาพ การพัฒนาการผลิตตามระบบเกษตรกรรมยั่งยืน การเสริมศักยภาพของเมือง พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และระบบโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ การพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิต การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป้าหมายการพัฒนาตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (พ.ศ. 2566-2570) จะมุ่งเน้น “การพัฒนาพื้นที่บนฐานวัฒนธรรมสร้างสรรค์ สู่เศรษฐกิจมูลค่าสูงอย่างทั่วถึง” โดยปัจจุบันมีสถานการณ์การพัฒนาที่สำคัญ คือ สัดส่วนประชากรผู้สูงอายุสูงที่สุดในประเทศอยู่ที่ร้อยละ 24.8 โดยจังหวัดลำปางเป็นจังหวัดแรกที่เข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอดที่มีผู้สูงอายุถึงร้อยละ 28.13 กลุ่มจังหวัดนี้ยังมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์และกลุ่มแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ส่วนสถานการณ์การพัฒนาคน มีค่า HAI ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ อย่างไรก็ตาม มิติด้านการมีส่วนร่วมในสังคมมีความโดดเด่นมากที่สุด ขณะที่มิติด้านสุขภาพและการศึกษา ยังคงอยู่ในลำดับท้ายของประเทศ ซึ่งกลุ่มจังหวัดนี้มีปัญหาและความท้าทายสำคัญ อาทิ การเข้าใกล้สังคมสูงวัยระดับสุดยอด ปัญหามลพิษทางอากาศ ปัญหาสุขภาพจิต ระดับการพัฒนาของเด็กปฐมวัย การเข้าถึงการศึกษาของประชากรที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ระดับรายได้ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประเทศ และปัญหาการได้สัญชาติและการมีส่วนร่วมของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยวุฒิอาสาฯ ในพื้นที่ มีการดำเนินงานที่สำคัญทั้งในเรื่องการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตร การช่วยเหลือและพัฒนาการศึกษาแก่กลุ่มเด็กด้อยโอกาส การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมโดยปลูกป่าและทำฝายชะลอน้ำ
สำหรับผลการระดมประเด็นการขับเคลื่อนที่สำคัญ มีดังนี้ 1) ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มุ่งผลักดันการศึกษาเชิงบูรณาการในทุกมิติตามบริบทของพื้นที่โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน อาทิ การส่งเสริมการเรียนที่เน้นวิชาชีพ การสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ตนเอง โดยเลือกนำร่องที่โรงเรียนบ่อแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ 2) ด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม มุ่งส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมและการส่งเสริมแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้าน โดยจะนำร่องที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับภาคีอื่น อาทิ รพ.สต. ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพชุมชน อปท. อสม. สถาบันการศึกษา โรงพยาบาลนครพิงค์ ศูนย์การค้ามีโชคพลาซ่า บริษัทฮอนด้า ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 3) ด้านการเกษตรและการสร้างรายได้มุ่งขยายเครือข่ายผู้นำเกษตรกรตามศาสตร์พระราชา โดยจะเป็นการถ่ายทอด ขยายองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการเกษตร อาทิ การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และการใช้ประโยชน์จากการรวมกลุ่มสหกรณ์การเกษตร โดยวุฒิอาสาฯ จังหวัดลำพูนจะเป็นแกนนำในการดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ และ 4) ด้านศิลปวัฒนธรรม มุ่งเน้นการฟื้นฟูอัตลักษณ์ท้องถิ่นให้กลับมาทรงคุณค่า เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ Creative Lanna ของประเทศ โดยเน้นการใช้ศาสนาเป็นกลไกสนับสนุน ร่วมกับการปรับเปลี่ยนครอบครัว ชุมชน ระบบการศึกษา และระบบราชการ ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
เป้าหมายการพัฒนาตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (พ.ศ. 2566-2570) เน้น “การท่องเที่ยวบนพื้นฐานวัฒนธรรมร่วมสมัย ยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตร สิ่งแวดล้อมยั่งยืน สู่เศรษฐกิจมั่นคง” โดยปัจจุบันมีสถานการณ์การพัฒนาที่สำคัญ คือ มีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุอยู่ที่ร้อยละ 24.2 ส่วนสถานการณ์การพัฒนาคน มีค่า HAI ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศเช่นเดียวกับกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 โดยด้านการมีส่วนร่วมในสังคมมีการพัฒนามากที่สุด อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนที่สำคัญ คือ ด้านสุขภาพ ชีวิตการทำงาน และการศึกษา ที่ยังมีการพัฒนาค่อนข้างน้อย กลุ่มจังหวัดนี้ปัญหาและความท้าทายสำคัญคล้ายกับกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ทั้งในเรื่องปัญหา PM2.5 การเจ็บป่วยจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง การเข้าไม่ถึงการศึกษาของพื้นที่ห่างไกล รายได้ต่อหัวอยู่ในระดับต่ำ และจังหวัดแพร่กำลังจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด ซึ่งทั้งสองกลุ่มจังหวัดมีจุดแข็งด้านศิลปวัฒนธรรม แต่ต้องมีแนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่มที่ชัดเจนมากขึ้น โดยวุฒิอาสาฯ ในพื้นที่มีการดำเนินงานที่สำคัญทั้งในเรื่องการใช้ทุนวัฒนธรรมส่งเสริมอาชีพผลิตผ้าทอลายพื้นบ้าน การร่วมผลักดันโรงเรียนผู้สูงอายุ การส่งเสริมเกษตรปลอดสารพิษและใช้พลังงานทดแทน
สำหรับผลการระดมประเด็นการขับเคลื่อนที่สำคัญ มีดังนี้ 1) ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มุ่งผลักดันการส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการท่องเที่ยววิถีชุมชน การปลูกจิตสำนึกรักษ์ถิ่น สร้างจิตสำนึกความเป็นพลเมือง ส่งเสริมการเรียนเพื่ออาชีพ โดยเริ่มนำร่องที่โรงเรียนแม่แอบวิทยา และชุมชนโดยรอบ ซึ่งมีวุฒิอาสาฯ จังหวัดเชียงราย เป็นแกนนำ และทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย อาทิ ททท. อปท. สมาคมมัคคุเทศก์ บริษัทประชารัฐ และมหาวิทยาลัยราชภัฏ 2) ด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม มุ่งอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อมสู่ความยั่งยืน โดยการสร้างความตระหนักและสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ฯ การกำหนดผู้รับผิดชอบในการดูแลป่าชุมชน การสร้างความร่วมมือจัดเวทีเชื่อมเครือข่าย ได้แก่ เยาวชน ภาครัฐ อปท. สถาบันอุดมศึกษา ภาคเอกชน อาทิ พุทธอุทยานดอยอินทรีย์ สภาลมหายใจ สภาเด็กและเยาวชน เป็นต้น โดยวุฒิอาสาฯ ทุกพื้นที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกัน 3) ด้านการเกษตรและการสร้างรายได้ ส่งเสริมการทำธนาคารน้ำใต้ดินและฝายแกนดิน เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำและให้มีน้ำเพียงพอสำหรับการทำการเกษตรตลอดช่วงฤดูกาลเพาะปลูก โดยจะดำเนินการนำร่องในพื้นที่เทศบาลตำบลป่าแดด เทศบาลตำบลท่าสุด จังหวัดเชียงราย และ 4) ด้านศิลปวัฒนธรรม มุ่งขับเคลื่อนการรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นบนฐานการนำไปสู่รายได้ใน 4 เรื่องหลัก ได้แก่ ผ้าทอ ดนตรี อาหารและสมุนไพร พิธีกรรมทางศาสนา โดยเน้นการสร้างความเข้มแข็งด้านการออกแบบให้กับผลิตภัณฑ์ การยกย่องส่งเสริมปราชญ์ชาวบ้าน การพัฒนากลไกเชื่อมกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ การสร้างศูนย์การเรียนรู้ เป็นต้น โดยมีการจัดตั้งคณะทำงานของวุฒิอาสาฯ ในพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนงาน
นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานจาก นายครรชิต เข็มเฉลิม กรรมการ มพท. และวุฒิอาสาฯ จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่มีกระบวนการการทำงาน โดยมีการกำหนดประเด็นและเป้าหมายการพัฒนาร่วมกันของคณะทำงานที่เป็นวุฒิอาสาฯ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา อาทิ ความมั่นคงด้านอาหาร การท่องเที่ยวชุมชน การเรียนรู้บนฐานชุมชน การสร้างเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน และวิเคราะห์การเชื่อมโยงประเด็นกับภาคีเครือข่ายอื่น ๆ ในจังหวัด ก่อนจะขยายผลไปสู่การร่วมทำงานกับจังหวัดอื่น ๆ บนฐานการใช้ทรัพยากรร่วมกัน อาทิ กลุ่ม EEC เชื่อมสามจังหวัด และกลุ่มลุ่มน้ำบางปะกง 8 จังหวัด และขยายการทำงานข้ามกลุ่มจังหวัดสู่ลุ่มน้ำแม่กลอง โดยใช้กระบวนการขับเคลื่อน SDG LAB ที่มีการพบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ผ่านแพลตฟอร์มตะวันออกฟอรั่ม และนางวณี ปิ่นประทีป กรรมการ มพท. ที่ให้ข้อเสนอแนะในการขับเคลื่อนงานของวุฒิอาสาฯ ใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) สรรหาสมาชิกคนรุ่นใหม่มาร่วมทำงาน 2) ส่งเสริมการทำงานกับภาคีเครือข่ายอื่น โดยเฉพาะภาคประชาสังคมที่สามารถสนับสนุนงบประมาณในการขับเคลื่อนงานของวุฒิอาสาฯ และ 3) หาแนวคิดใหม่สนับสนุนการทำงาน รวมทั้งองค์ความรู้ที่จะส่งเสริมให้ประชาชนในระดับพื้นที่สามารถช่วยเหลือและพึ่งพาตนเองได้
รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ภายหลังการระดมความเห็นในครั้งนี้ สศช. จะสังเคราะห์ประเด็นที่ได้เพื่อนำมาจัดลำดับความสำคัญในการผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนงานในฐานะพื้นที่นำร่องของวุฒิอาสาฯ พร้อมทั้งประสานภาคีเครือข่ายในระดับกลุ่มจังหวัดที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันดำเนินการ โดย สศช. จะมีบทบาทในการเข้าไปช่วยหนุนเสริมเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายการทำงาน รวมทั้งนำผลที่ได้มาสังเคราะห์ และจัดทำเป็นแนวทางการขับเคลื่อนงานวุฒิอาสาฯ ภายใต้ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนวุฒิอาสาฯ ระยะ 5 ปี ต่อไป
ข่าว/ภาพ : กองยุทธศาสตร์การพัฒนาความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม