|
|
|
ในโลกของเศรษฐกิจไร้พรมแดนในปัจจุบัน
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารทำให้สามารถติดต่อทำธุรกิจกันได้อย่างง่ายดายแม้อยู่ห่างไกลกันถึงคนละซีกโลก
การทำธุรกิจเช่นนี้จำเป็นจะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งที่รวดเร็วและเชื่อถือได้มารองรับ
ซึ่งการขนส่งทางอากาศดูจะเป็นวิธีการขนส่งที่สามารถตอบรับความต้องการดังกล่าวได้ดีที่สุด
และทวีความสำคัญขึ้นอย่างมาก จนนับได้ว่าเป็นแกนหลักของเศรษฐกิจโลกประการหนึ่ง
สำหรับประเทศไทย ในวันที่ 29 กันยายน 2548 ก็จะเปิดให้บริการท่าอากาศยานแห่งใหม่
คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่า
จะสามารถนำประเทศไปสู่ศูนย์กลางของการขนส่งทางอากาศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้มากน้อยเพียงใด
ดังนั้น วารสารเศรษฐกิจและสังคมฉบับนี้ จึงขอนำเสนอสาระสำคัญของท่าอากาศยานที่ทันสมัยที่สุดแห่งใหม่ของโลกแห่งนี้
โดยมี ดร.สุวัฒน์ วาณีสุบุตร รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
(สกภ.) กรุณาให้ข้อคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวได้อย่างน่าสนใจยิ่ง
|
|
บทบาทของท่าอากาศยานกับเศรษฐกิจ
|
|
กว่าสิบปีมาแล้วที่ Alvin Toffler
นักพยากรณ์อนาคต กล่าวไว้ว่า สิ่งที่กำหนดความสำเร็จของการแข่งขันทางการค้าในระดับโลก
จากศตวรรษที่ 21 เป็นต้นไป คือ ผู้ที่รวดเร็วที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอด
ซึ่งสิ่งที่ Toffler กล่าวได้ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นแล้วว่าเป็นความจริง
ในปัจจุบัน นานาประเทศต่างแข่งขันกันในโลกแห่งความเร็วที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย
ก่อให้เกิดเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่มีสนามบินนานาชาติเป็นตัวขับเคลื่อนและใช้กำหนดทำเลที่ตั้งของธุรกิจ
อันเป็นรูปแบบการพัฒนาเมืองในศตวรรษที่ 21 เช่นเดียวกับที่ท่าเรือน้ำลึกได้ทำหน้าที่เดียวกันนี้ในศตวรรษที่
18 ทางรถไฟในศตวรรษที่ 19 และทางหลวงในศตวรรษที่ 20
|
|
สนามบินในปัจจุบันจึงเป็นปัจจัยสำคัญของระบบการผลิตและการพาณิชย์ระดับโลกที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของประเทศ
ช่วยสนับสนุนระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และการจัดการหาสินค้าที่เป็นวัตถุดิบของธุรกิจอื่น
หรือที่เรียกว่า ห่วงโซ่อุปทาน (Supply-Chain) ทั้งยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดโรงงานและสำนักงานพาณิชย์
โดยเฉพาะธุรกิจด้านไฮเทคและเศรษฐกิจเมือง รวมทั้งก่อให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจต่อเนื่องจากกิจกรรมการบินในพื้นที่รอบสนามบินและตามแนวเส้นทางคมนาคมขนส่งที่เชื่อมโยงกับสนามบินอีกด้วย
|
|
สำหรับประเทศไทย สินค้าส่งออกถึงร้อยละ
80 ในปัจจุบัน จำเป็นต้องอาศัยความรวดเร็วของการขนส่งทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นการเน้นการส่งออกตามนโยบายอุตสาหกรรมระดับโลก
(Global Niches) เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาหารที่เน่าเสียง่าย
หรือสินค้าแฟชั่น ซึ่งจำเป็นต้องขนส่งอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สินค้ายังคงทันสมัย
ไม่ตกยุค เป็นต้น ดังนั้น สนามบินจึงนับเป็นศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทยเช่นกัน
|
|
สถานภาพการบินของไทยในปัจจุบัน
|
|
ดร. สุวัฒน์ฯ
กล่าวถึงสถานภาพการบินของไทยในปัจจุบันว่า ปริมาณผู้โดยสารที่มาใช้บริการสนามบินดอนเมืองอยู่ในอันดับที่ไม่เลวนักเมื่อเทียบกับสนามบินต่างๆ
ทั่วโลก ในการจัดอันดับสนามบินทั่วโลกปี 2545 สนามบินดอนเมืองของไทยมีปริมาณผู้โดยสารมากเป็นอันดับที่
18 ของโลก จากสนามบินนานาชาติทั่วโลกจำนวนประมาณ 2,000 สนามบิน โดยเป็นรองสนามบินของประเทศอื่นๆ
ในเอเชียเพียง 2 ประเทศ คือ ญี่ปุ่นและฮ่องกงเท่านั้น ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพที่ดีในการให้บริการของสนามบินไทย
แต่หากจัดอันดับโดยใช้ปริมาณการขนส่งสินค้า กลับตกไปอยู่ในอันดับประมาณ
50-60 ของโลก ซึ่งแสดงถึงเศรษฐกิจด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศของประเทศว่า
ยังมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก
|
|
ทั้งนี้ เมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการ
คาดว่าภายในเวลาไม่เกิน 5 ปี ปริมาณผู้โดยสารของสนามบินของไทยน่าจะขึ้นมาอยู่ในอันดับที่
12-13 ของโลก เนื่องจากธุรกิจการบินในเอเชียแปซิฟิกมีอัตราการเจริญเติบโตสูงมาก
โดยปัจจุบันผู้โดยสารที่สนามบินดอนเมืองของไทยจะเพิ่มขึ้นในอัตราปีละเกือบ
3 ล้านคน ในขณะที่ธุรกิจการบินในสหรัฐฯ และยุโรปมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพียงเล็กน้อย
โดยเฉพาะในช่วงหลังจากการก่อวินาศกรรมตึกเวิร์ลเทรดโดยเครื่องบิน
ทำให้คนอเมริกันลดความนิยมในการเดินทางโดยเครื่องบินลงพอสมควร
|
|
|
|
ปริมาณผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ
|
|
ผู้โดยสาร
(ล้านคน) |
อันดับเมื่อเทียบกับปริมาณ
ผู้โดยสารสนามบินทั่วโลก |
2540
|
25.14
|
29 |
2541
|
25.62 |
28 |
2542
|
27.29 |
28 |
2543
|
29.62 |
26 |
2544
|
30.62 |
21 |
2545 |
32.18 |
18 |
|
|
ที่มา :
สำนักงานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ |
|
|
|
|
|
ทำไมกรุงเทพต้องมีสนามบินแห่งใหม่
|
|
นับตั้งแต่ปี 2503 เป็นต้นมา ประเทศไทยได้เริ่มมีแนวคิดที่จะสร้างสนามบินแห่งใหม่
ต่อมา การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาให้ทำการศึกษาเพื่อจัดทำแผนแม่บทระบบท่าอากาศยานทั่วประเทศ
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาสนามบินขนาดใหญ่ของไทยในระยะยาว ซึ่งผลการศึกษาระบุว่า
สนามบินดอนเมืองจะถึงจุดอิ่มตัวในปี 2543 และหากไม่มีท่าอากาศยานกรุงเทพแห่งใหม่
จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยว ธุรกิจเชิงพาณิชยกรรม
และอุตสาหกรรม ประกอบกับสนามบินดอนเมืองถือเป็นสนามบินที่ใช้ในราชการทหารอากาศมาตั้งแต่เริ่มต้นก่อสร้าง
ดังนั้น กรุงเทพจึงจำเป็นจะต้องก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ที่มีความทันสมัยสมบูรณ์แบบสำหรับใช้ในการพาณิชย์โดยเฉพาะ
เพื่อรองรับการขยายตัวของการขนส่งทางอากาศในอนาคต
|
|
|
|
|
ประวัติสนามบินสุวรรณภูมิ |
|
|
พ.ศ.2503 |
รัฐบาลไทยว่าจ้างบริษัท Litchfield
Whiting Bowne and Associate ศึกษาและวางผังเมืองกรุงเทพ ผลการศึกษามีข้อเสนอว่า
ไทยควรเตรียมจัดให้มีสนามบินพาณิชย์แห่งใหม่
|
พ.ศ.2504 |
กระทรวงคมนาคมได้ศึกษาเปรียบเทียบ
และกำหนดพื้นที่ก่อสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่
|
พ.ศ.2506
- 2516 |
กรมการบินพาณิชย์จัดซื้อและเวนคืนที่ดิน
|
พ.ศ.2521 |
กระทรวงคมนาคมว่าจ้างบริษัท
Tippets Abbott Mocarthy Aviation ศึกษาทบทวนความเหมาะสมของพื้นที่สนามบินแห่งใหม่อีกครั้ง
ซึ่งผลการศึกษายังคงยืนยันความเหมาะสมในลักษณะเดิม
|
พ.ศ.2533 |
การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา
Louis Berger International ศึกษาและจัดทำแผนแม่บทระบบท่าอากาศยานทั่วประเทศ
ได้ข้อสรุปว่า ท่าอากาศยานดอนเมืองที่ก่อสร้างไว้เดิมจะถึงจุดอิ่มตัวในปี
2543
|
พ.ศ.2534 |
คณะรัฐมนตรีอนุมัติการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่
โดยมอบให้การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยดำเนินการในช่วงแรก
|
พ.ศ.2535 |
การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยว่าจ้างบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา
ศึกษาวางแผนแม่บทรวมทั้งการออกแบบเบื้องต้นและควบคุมบริหารงานก่อสร้างในวงเงิน
914 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินงาน 7 ปี 6 เดือน
|
พ.ศ.2538 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้จัดตั้งบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่จำกัด
(บทม.) ขึ้น
|
พ.ศ.2539 |
กระทรวงการคลังจดทะเบียนจัดตั้ง
บทม. โดยมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม และมีกระทรวงการคลังและการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยเป็นผู้ถือหุ้น
|
พ.ศ.2543 |
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เป็นชื่อท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่
|
พ.ศ.2548 |
กำหนดเปิดให้บริการในวันที่
29 กันยายน 2548
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ไม่ปิดสนามบินดอนเมืองหลังเปิดสนามบินสุวรรณภูมิิ
|
|
เมื่อกรุงเทพมีสนามบินแห่งใหม่แล้ว
จะเกิดอะไรขึ้นกับสนามบินดอนเมือง ในเรื่องนี้ ดร.สุวัฒน์ฯ
ได้ชี้แจงว่า ปัจจุบันกิจการบินพาณิชย์ที่สนามบินดอนเมืองแบ่งออกเป็น
4 ประเภทคือ 1) สายการบินประจำ ซึ่งหมายถึง สายการบินที่มีกำหนดเวลาการบินล่วงหน้าแน่นอน
ซึ่งประมาณร้อยละ 99 เป็นสายการบินผู้โดยสาร และอีกประมาณร้อยละ
1 เป็นสายการบินสำหรับสินค้า 2) สายการบินไม่ประจำ (Charter Flight)
เป็นสายการบินที่มีผู้โดยสารซึ่งมีวัตถุประสงค์เดียวกัน เช่น บริษัททัวร์ที่หาลูกค้าได้ประมาณ
200-300 คน ก็จะเหมาลำเครื่องบินมาเอง อาทิ สายการบินที่มาจากเวียนนา
รัสเซีย หรือจีน เป็นต้น ซึ่งมีประมาณ 5-6 พันเที่ยวต่อหนึ่งปี 3)
เครื่องบินราชการ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมตำรวจ เครื่องบินทหาร
เป็นต้น เนื่องจากพื้นที่อีกฟากหนึ่งของสนามบินดอนเมืองเป็นของกองทัพอากาศ
และใช้รันเวย์ร่วมกัน 4) เครื่องบินพิเศษ เช่น เครื่องบินของราชวงศ์
เครื่องบินของผู้นำระดับประเทศ เป็นต้น ซึ่งเมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้บริการแล้ว
สนามบินดอนเมืองจะงดให้บริการสายการบินในประเทศและระหว่างประเทศเฉพาะประเภทที่
1 เท่านั้น โดยจะย้ายไปให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่สนามบินดอนเมืองยังคงเปิดให้บริการแก่เครื่องบินประเภทที่
2-4 ต่อไป มิใช่ปิดให้บริการทั้งหมดดังที่หลายคนเข้าใจ
|
|
จากสนามบินดอนเมืองสู่สนามบินสุวรรณภูมิ
|
|
ดร. สุวัฒน์ฯ
กล่าวต่อไปว่า สนามบินสุวรรณภูมิมีกำหนดเปิดให้บริการแน่นอนแล้วในวันที่
29 กันยายน 2548 และแม้ว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ใหม่เกือบทั้งหมด
โดยเฉพาะอุปกรณ์ด้านซอฟท์แวร์ที่ต้องการความทันสมัย เช่น ซอฟท์แวร์ด้านการตรวจคนเข้าเมือง
ศุลกากร และข้อมูลข่าวสารการบิน เป็นต้น ซึ่งรวมเป็นเงินประมาณ 3-4
พันล้านบาท แต่ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ บางส่วนที่สามารถเคลื่อนย้ายจากดอนเมืองมาใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่
ดังนั้น ในคืนก่อนที่สนามบินจะเปิด จะเป็นคืนที่โกลาหลพอสมควร เนื่องจากต้องเคลื่อนย้ายอุปกรณ์จำนวนมากระหว่างสองสนามบิน
|
|
ในการโยกย้ายการให้บริการจากสนามบินดอนเมืองมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ
จะมีการกำหนดเวลาปิดบริการของสนามบินดอนเมืองในคืนวันที่ 28 กันยายน
2548 เช่น หากกำหนดให้เป็นเวลาเที่ยงคืนของคืนวันที่ 28 กันยายน
2548 สนามบินดอนเมืองก็จะมีอุปกรณ์ให้เครื่องบินลงจอดได้จนถึงเวลาเที่ยงคืนของคืนวันที่
28 กันยายน 2548 หลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว จะต้องทำการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์จำนวนมากซึ่งจะนำไปใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิให้เสร็จสิ้นภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ซึ่งจะกลายเป็นมหกรรมอันยิ่งใหญ่ในคืนวันนั้น จะมีการถ่ายทอดสด มีการปิดถนนหลายสิบสายในกรุงเทพด้วย
|
|
สนามบินสุวรรณภูมิ : สนามบินที่ทันสมัยที่สุดแห่งใหม่ของโลก
|
|
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลบางโฉลง
ตำบลราชาเทวะ และตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยอยู่ทางทิศตะวันออกของกรุงเทพมหานคร
มีระยะทางไกลกว่าสนามบินดอนเมืองเมื่อวัดจากสนามหลวงประมาณ 3 กิโลเมตร
ครอบคลุมเนื้อที่ประมาณ 20,000 ไร่ ซึ่งใหญ่กว่าพื้นที่สนามบินดอนเมืองราว
6 เท่า ใช้งบการลงทุนส่วนที่อยู่ภายในและภายนอกสนามบินทั้งสิ้นประมาณ
150,000 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินลงทุนในภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ 137,000
ล้านบาท และเอกชนร่วมลงทุนในกิจการเชิงพาณิชย์ 13,000 ล้านบาท เมื่อสนามบินเปิดให้บริการในปี
2548 จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 45 ล้านคน ทั้งนี้ ตามปกติอัตราการขยายตัวของผู้โดยสารเครื่องบินในแต่ละปีจะเพิ่มประมาณหนึ่งเท่าครึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
(GDP) ดังนั้น การขยายตัวของ GDP ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 8
ต่อปี จึงประมาณได้ว่า ผู้โดยสารเครื่องบินจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ประมาณร้อยละ
10-12 และในปีหน้า คาดว่าน่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการประมาณ 38-39
ล้านคนต่อปี
|
|
ระบบการตรวจกระเป๋าสัมภาระของสนามบินสุวรรณภูมิจะเป็นมาตรฐานที่ทันสมัยมากที่สุดของโลกในปัจจุบัน
โดยในเอเชียมีเพียงสนามบินนานาชาติอินชอนของเกาหลีใต้เท่านั้นที่ทันสมัยเทียบเท่ากับสนามบินในสหรัฐฯ
เช่นเดียวกับสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งในการนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า
สนามบินสุวรรณภูมิควรลงทุนใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าประเทศอื่นๆ
ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพราะหากใช้เทคโนโลยีที่พอๆ กับประเทศอื่นในปัจจุบัน
เมื่อสนามบินก่อสร้างแล้วเสร็จ อาจมีประเทศอื่นที่ใช้เทคโนโลยีก้าวล้ำไปมากกว่าแล้วก็ได้
ดร. สุวัฒน์ฯ กล่าว
|
|
|
|
|
องค์ประกอบที่สำคัญของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ |
************* |
|
ทางวิ่ง |
จำนวน 2 เส้น กว้างเส้นละ
60 เมตร ยาว 3,700 เมตร และ 4,000 เมตร มีระยะศูนย์กลางห่างกัน
2,200 เมตร ให้บริการขึ้นลงอากาศยานได้พร้อมๆ กันตลอดเวลาไม่น้อยกว่า
76 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
|
หลุมจอด |
รวมจำนวน 120 หลุมจอด แบ่งเป็นการจอดประชิดอาคาร
51 หลุมจอด และการจอดระยะไกล 69 หลุมจอด
|
หอบังคับ
การบิน |
สูง 132 เมตร ซึ่งนับเป็นหอบังคับการบินที่สูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน
พร้อมระบบนำร่องที่ทันสมัย
|
อาคาร
ผู้โดยสาร |
มีพื้นที่ประมาณ 563,000
ตารางเมตร ได้รับการออกแบบให้มีความสวยงามทันสมัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ครบครัน ภายในมีการตกแต่งให้สะท้อนถึงเอกลักษณ์ไทย รองรับผู้โดยสารได้
45 ล้านคนต่อปี ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ 1) อาคารผู้โดยสาร สูง
7 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น รวมทั้งมีสถานีรถไฟใต้อาคารผู้โดยสารด้วย
โครงสร้างอาคารเป็นเหล็กและกระจก หลังคากระจกมีแผงอลูมิเนียมคลุมกันแดดด้านบน
และ 2) อาคารเทียบเครื่องบิน สูง 2 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น
สำหรับใช้ในการเทียบเครื่องบิน ตัวอาคารเป็นเหล็กมีรูปโค้ง
หลังคาเป็นกระจกสลับกับผ้าใยสังเคราะห์เคลือบเทฟล่อน
|
การบริการ
สินค้า |
มีอาคารและลานพื้นที่รวมประมาณ
568,000 ตารางเมตร สำหรับให้บริการแบบปลอดพิธีการศุลกากร โดยผู้ประกอบการสามารถทำงานเคลื่อนย้ายและจัดเตรียมหรือบรรจุสินค้าเพื่อส่งออกหรือนำเข้าภายในพื้นที่ที่กำหนดได้ตลอด
24 ชั่วโมง
|
ระบบป้องกัน
น้ำท่วม |
มีคันดินสูง 3.50 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลกลาง
ล้อมรอบพื้นที่ท่าอากาศยานยาวทั้งหมด 24 กิโลเมตร มีคลองระบายน้ำ
คลองรับน้ำ และพื้นที่เก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่ภายในสนามบิน สามารถรองรับน้ำฝนที่ตกได้มากกว่า
3.2 ล้านลูกบาศก์เมตร
|
ถนนภายใน |
เป็นถนนขนาดตั้งแต่ 4 ช่องจราจรขึ้นไป
เชื่อมอาคารต่างๆ ภายในท่าอากาศยาน ความยาวรวม 36 กิโลเมตร
และมีลานจอดรถ 3,500 คัน
|
ถนนเข้า
ท่าอากาศยาน |
มีทางเข้าออก 5 ทาง ดังนี้
- ทิศเหนือ เป็นถนนยกระดับขนาด 8 ช่องจราจร จากมอเตอร์เวย์กรุงเทพ-ชลบุรีเข้าสู่อาคารผู้โดยสาร
- ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นถนนยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร เชื่อมกับทางยกระดับจากถนนร่มเกล้าและถนนกิ่งแก้ว
- ทิศใต้ เป็นถนนระดับพื้นราบขนาด4 ถึง 8 ช่องจราจร เชื่อมกับถนนบางนา-ตราด
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นถนนระดับพื้นราบขนาด 4 ช่องจราจร
เชื่อมกับถนนอ่อนนุช
- ทิศตะวันตก เป็นถนนยกระดับขนาด 4 ช่องจราจร เชื่อมกับถนนกิ่งแก้ว
|
อาคารจอดรถ |
มีอาคารจอดรถหน้าอาคารผู้โดยสารจำนวน
2 อาคาร จอดรถยนต์ได้รวม 5,000 คัน
|
|
|
|
|
|
|
ประมาณการงบลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมืองศูนย์กลางการบินสุวรรณภูมิ |
|
|
|
แผนงาน
|
เงินลงทุน |
เงินลงทุนแบ่งตามระยะเวลา |
หน่วยงานรับผิดชอบ |
ล้านบาท |
% |
2549-58 |
2559-68 |
2569-78 |
งบประมาณแผ่นดิน |
รัฐวิสาหกิจ |
ส่วนท้องถิ่น |
ระบบขนส่ง |
75,864 |
59.5 |
44,774 |
15,668 |
15,422 |
กรมทางหลวงชนบท |
กทพ./รฟท./ขสมก. |
กทม. |
ระบบป้องกันน้ำท่วม |
58,885 |
38.5 |
58,885 |
- |
- |
กรมชลประทาน |
|
|
ระบบประปา |
7,778 |
5.1 |
16,000 |
2,400 |
3,778 |
|
กปน. |
|
ระบบไฟฟ้า |
3,388 |
2.2 |
921
|
895 |
157 |
|
กฟน. |
|
ระบบโทรศัพท์ |
1,705
|
1.1
|
831 |
687 |
187 |
|
ทศท. |
|
การบำบัดน้ำเสีย |
3,136 |
2.0 |
645
|
968
|
1,523 |
|
|
กทม. /อบจ.สมุทรปราการ |
การจัดการขยะมูลฝอย |
2,355 |
1.5 |
2,068
|
93
|
194 |
|
|
กทม.
/อบจ.สมุทรปราการ |
รวม |
153,111
|
100.0
|
109,724
|
20,711 |
22,676 |
|
|
|
สัดส่วน
(%) |
100.0 |
|
71.7 |
13.5 |
14.8 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ที่มา
: สำนักงานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ |
|
|
|
|
|
การคมนาคม
เข้า - ออก ระหว่างสนามบิน ไม่มีปัญหา
|
|
การก่อสร้างสนามบินระดับโลกที่มีความทันสมัย
สามารถรองรับผู้โดยสารได้จำนวนมากในระดับนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการวางแผนจัดระบบการจราจรและขนส่งโดยรอบสนามบินให้มีความสะดวกรวดเร็วสอดคล้องกับศักยภาพของสนามบินด้วย
ในเรื่องนี้ ดร.สุวัฒน์ฯ กล่าวว่า ได้มีโครงการรองรับการคมนาคมเข้า-ออกสนามบินในหลายรูปแบบ
ทั้งทางด่วน ทางหลวง รถไฟ และรถเมล์ ซึ่งจะสะดวกกว่าสนามบินดอนเมืองมาก
และยังเข้าออกจากสนามบินได้หลายทางรอบทิศ ทั้งทางมอเตอร์เวย์ ถนนกิ่งแก้ว
ถนนอ่อนนุช และถนนบางนา-ตราด
|
|
โครงการที่รองรับการขนส่งคนระหว่างเมืองกับสนามบิน
นอกเหนือจากโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งได้แก่ โครงการการขยายมอเตอร์เวย์
แล้ว ยังมี โครงการตัดทางด่วนสายใหม่
ออกจากบริเวณถนนเอกมัยตรงเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อไม่ให้เกิดการจราจรติดขัดในการเดินทางเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิในอนาคต
แผนดังกล่าวเตรียมจะเสนอคณะรัฐมนตรีให้รับหลักการ และเห็นชอบให้การทางพิเศษฯ
เป็นผู้ดำเนินการ คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในประมาณ 6 ปีข้างหน้า
|
|
นอกจากนี้
การรถไฟแห่งประเทศไทยยังทำการศึกษาการเปิดให้บริการรถไฟด่วน
(Fast Train) โดยมีความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม
และจะให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการก่อสร้างและเดินรถด้วย โดยรัฐบาลต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในด้านเงินลงทุน
งบประมาณของโครงการนี้ประมาณ 30,000 ล้านบาท
|
|
และยังมีการคมนาคมอีกรูปแบบหนึ่งคือ
รถเมล์ ซึ่งเป็นรถโดยสารประจำทางชั้นดีที่สุดในประเทศไทย
เทียบเท่ารถเมล์ที่ดีที่สุดของโลก โดยเป็นรถขนาดรถทัวร์ แอร์เย็น
เบาะนุ่ม บันไดไม่สูง มีช่องใส่กระเป๋าเดินทางได้สะดวก ซึ่งจะจอดหน้าอาคารผู้โดยสารได้เลย
วางแผนว่าจะมีทั้งหมด 4 สาย แวะจอดตามโรงแรมชั้นนำต่างๆ และจะพัฒนาที่มักกะสัน
อโศก ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทยให้เป็นที่จอดรถเมล์นี้ โดยผู้โดยสารสามารถเช็คอินกระเป๋าได้ที่นี่
จากนั้นจึงโดยสารรถเมล์ดังกล่าวไปที่สนามบินได้ โดยอาจคิดค่าโดยสารประมาณ
100 บาท
|
|
เมืองศูนย์กลางการบินสุวรรณภูมิิิ
|
|
ปัจจุบัน
สนามบินทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของระบบต่างๆ และศูนย์กลางการพาณิชย์ของชุมชนโดยรอบสนามบิน
ถ้าถือว่าสนามบินและพื้นที่โดยรอบเป็นเมืองสนามบินแล้ว สนามบินหลายแห่งก็ได้ทำหน้าที่แบบเดียวกับศูนย์กลางธุรกิจของเมืองใหญ่ๆ
โดยเป็นศูนย์กลางการขนส่งแบบต่อเนื่องหลายรูปแบบของภูมิภาค และเป็นศูนย์กลางขนาดใหญ่ของการจ้างงาน
การจับจ่ายสินค้า การประชุมและบันเทิง ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกิจกรรมการบินที่เกิดขึ้นมักเรียงรายไปตามถนนหรืออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
ทำให้เกิดเมืองในลักษณะใหม่ คือ เมืองศูนย์กลางการบิน (Aerotropolis)
ซึ่งบางแห่งขยายตัวออกไปในรัศมีถึง 30 กิโลเมตรจากสนามบิน
|
|
ดังนั้น
การใช้ที่ดินโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิจึงควรเป็นพื้นที่ที่ใช้ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
เช่น คลังสินค้า โรงงานสินค้า เป็นต้น เพื่อให้สามารถนำสินค้าที่ผลิตเสร็จขึ้นเครื่องบินได้ทันที
ซึ่งจะทำให้พื้นที่โดยรอบสนามบินมีราคาสูงขึ้นมาก จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนผังการพัฒนาเมืองศูนย์กลางการบินสุวรรณภูมิขึ้น
เพื่อวางแผนการใช้ที่ดินโดยรอบสนามบินซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 2-3 แสนไร่
ให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยในขณะนี้ ได้มีการประสานงานกับกรมโยธาธิการและผังเมืองในการทำผังเฉพาะขึ้น
ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเวลา 1 ปี ผังเฉพาะนี้เป็นการเตรียมการใช้ที่ดินในอีก
30 ปีข้างหน้า ดังนั้น เมื่อผังเฉพาะที่กำลังจัดทำนี้แล้วเสร็จ ก็จะสามารถนำผังดังกล่าวมากำหนดการใช้ที่ดินในระยะยาวได้
|
|
แผนการดำเนินงานโดยรอบสนามบิน
แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแผนของตนเองไว้บ้างแล้ว แต่โครงการใดที่ยังไม่มีหน่วยงานใดวางแผนไว้
สำนักงานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สกภ.) จะดำเนินการวางแผนเพิ่มเติม
และวางแผนต่อไปในอนาคตอีก 30 ปีข้างหน้าด้วย
|
|
แผนในระยะยาว
อาทิ แผนป้องกันน้ำท่วม ซึ่งเมื่อมีประชาชนย้ายเข้าไปอยู่อาศัยบริเวณโดยรอบสนามบินในอนาคต
ก็สมควรที่จะต้องมีการเตรียมการไม่ให้มีน้ำท่วมพื้นที่โดยรอบ โดยจะดำเนินการการขุดคลองขนาดใหญ่สายใหม่ยาวประมาณ
100 กิโลเมตร กว้าง 200 เมตร เชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางไทร
ตรงไปออกที่คลองด่าน ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยรอบสนามบินได้อย่างเต็มศักยภาพ
หรือแผนด้านการบริหารจัดการ ซึ่งพื้นที่ของสนามบินสุวรรณภูมิอยู่ในเขตจังหวัดสมุทรปราการ
ซึ่งเป็นเขตการปกครองส่วนภูมิภาคทั้งหมด และยังมีการปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แต่สนามบินมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมาก จึงจำเป็นจะต้องจัดการบริหารพื้นที่ของสนามบินและพื้นที่โดยรอบให้เป็นเขตการบริหารพิเศษ
ดังเช่นที่ได้ดำเนินการกับเมืองพัทยา ซึ่งในขณะนี้มีการวางแผนคร่าวๆ
ไว้แล้ว แต่จะต้องมีการศึกษาในรายละเอียดว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
เป็นต้น
|
|
กลไกการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ
|
|
โครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเป็นโครงการขนาดใหญ่
จึงมีหน่วยงานร่วมรับผิดชอบจำนวนมาก ทั้งหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ
และภาคเอกชน ซึ่งมีการแบ่งความรับผิดชอบของหน่วยงานต่างๆ ดังนี้
|
|
บริษัท
ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม
มีหน้าที่รับผิดชอบการก่อสร้างภายในสนามบินสุวรรณภูมิ เช่น อาคารผู้โดยสาร
ทางวิ่ง ระบบสาธารณูปโภค/สาธารณูปการ เป็นต้น โดยมีงานภายในสนามบินบางส่วนที่ดำเนินการโดยหน่วยราชการ
รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชน เช่น หอบังคับการบิน งานตรวจคนเข้าเมือง งานศุลกากร
งานไปรษณีย์ งานคลังสินค้า เป็นต้น
|
|
ทั้งนี้
บทม. เป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจเล็กๆ ซึ่งมีพนักงานโดยเฉพาะวิศวกรจำนวนไม่มากนัก
ในการกำกับดูแลโครงการขนาดใหญ่ในระดับนี้ จึงจำเป็นจะต้องว่าจ้างบริษัทที่มีความชำนาญมาช่วยดำเนินการ
ซึ่งเรียกว่า Project Management Consultant (PMC) บริษัทดังกล่าวจะช่วยในการวางแผนก่อสร้างสนามบินทั้งหมด
รวมทั้งการคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง
|
|
สำนักงานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
(สกภ.) ซึ่งอยู่ภายใต้ สศช. ทำหน้าที่ประสานแผนการดำเนินงานทั้งหมด
ทั้งที่อยู่และไม่อยู่ในสนามบิน เช่น ทางเข้าออกสนามบิน สาธารณูปโภคที่จะเข้าไปในสนามบิน
การจัดการขยะมูลฝอย การวางแผนผังการพัฒนาเมืองศูนย์กลางการบินสุวรรณภูมิ
เป็นต้น ซึ่งจะต้องประสานกับหน่วยงานอื่นๆ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องมากมาย
|
|
นอกจากการประสานงานและกำกับงานแล้ว
คณะรัฐมนตรียังมีมติให้ สกภ. สามารถเสนอแนะสิ่งใหม่ๆ ให้ คณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
(กทภ.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณาได้ รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานที่ต้องการเสนอโครงการซึ่งเกี่ยวข้องกับสนามบินสุวรรณภูมิ
จะต้องเสนอผ่าน สกภ. เพื่อให้เป็นศูนย์รวมในการพิจารณาโครงการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ก่อนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|
ความก้าวหน้าของการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ
|
|
เหลือเวลาอีกไม่มากนักก็จะถึงกำหนดการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการของสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว
ในเรื่องนี้ ดร.สุวัฒน์ฯ ยืนยันว่า สนามบินจะสามารถเปิดให้บริการได้ตามกำหนดในวันที่
29 กันยายน 2548 อย่างแน่นอน ซึ่งในปัจจุบัน การก่อสร้างมีความคืบหน้าโดยรวมเกือบร้อยละ
40 ในขณะที่เป้าหมายควรเป็นเกือบร้อยละ 55 เนื่องจากมีหลายโครงการย่อยที่ล่าช้า
โครงการที่ล่าช้ามากที่สุดได้แก่ โครงการอาคารผู้โดยสาร และหอบังคับการบิน
ส่วนโครงการย่อยอื่นๆ เช่น รันเวย์ ถนน โรงกรองน้ำประปา โรงบำบัดน้ำเสีย
การเดินท่อน้ำมัน รวมทั้งระบบสาธารณูปโภคหลัก มีความล่าช้าน้อย หรือทันตามกำหนดการ
|
|
ความก้าวหน้าโดยรวม
ยังช้ากว่าที่กำหนดในแผน ซึ่งบทม. ได้แก้ปัญหาโดยการลงนามในสัญญาเร่งรัดการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารซึ่งมีความล่าช้าในขณะนี้
เมื่อเดือนธันวาคม 2546 การลงนามในสัญญาดังกล่าว เป็นสัญญาระหว่างกลุ่มบริษัทอิตาเลียนไทย
กับ บทม. ซึ่งระบุว่า บริษัทจะต้องดำเนินงานให้แล้วเสร็จทันตามที่กำหนดไว้ในสัญญา
จากนั้นจึงปรับตารางเวลาในการทำงานใหม่เพื่อเร่งให้งานเสร็จทันภายในเวลาที่กำหนด
|
|
|
|
ความก้าวหน้างานก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
|
|
|
|
หน่วยงานรับผิดชอบ |
มีสัญญาว่าจ้างแล้ว |
อยู่ระหว่างการคัดเลือกจัดจ้าง |
ดำเนินการแล้วเสร็จ |
กำลังดำเนินการ |
จำนวนงาน
(งาน) |
งบประมาณ
(ล้านบาท) |
จำนวนงาน
(งาน) |
งบประมาณ
(ล้านบาท) |
จำนวนงาน
(งาน) |
งบประมาณ
(ล้านบาท) |
1. บทม. |
62 |
19,591 |
33 |
61,705 |
50 |
24,021 |
2. หน่วยงานภาครัฐอื่นๆ |
- |
- |
10 |
8,247 |
18 |
22,756 |
3. ภาคเอกชน |
- |
- |
1 |
900 |
8 |
12,147 |
|
|
ที่มา
: สำนักงานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
หมายเหตุ ความก้าวหน้า ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2546 |
|
|
|
|
|
การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสนามบินสุวรรณภูมิิ
|
|
เมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการแล้ว
ดร.สุวัฒน์ฯ ได้กล่าวถึงสิ่งที่ควรทำเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสนามบินว่า
สามารถดำเนินการได้ในสองส่วนคือ
|
|
ส่วนแรก การให้บริการของหน่วยงานรัฐในสนามบินสุวรรณภูมิจะต้องยอดเยี่ยม
เช่น การเข้าออกสนามบินมีความสะดวก มีรันเวย์เพียงพอ การตรวจคนเข้าเมือง
การขนส่งกระเป๋าสัมภาระและสินค้ามีความรวดเร็ว เป็นต้น
|
|
ส่วนที่สอง การทำการตลาด
ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องเดินทางไปประชาสัมพันธ์เรื่องของสนามบินสุวรรณภูมิทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นด้านความใหญ่โต ความสะดวกสบาย ค่าใช้จ่ายสำหรับสายการบินที่จะมาใช้บริการซึ่งไม่แพง
พิธีการศุลกากรและการตรวจคนเข้าเมืองรวดเร็วทันสมัย เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบเอ็กซ์เรย์ทั้งหมด
เป็นต้น โดยเน้นกลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงประชาชน และนักท่องเที่ยวทั่วไปซึ่งไม่อยู่ในวงธุรกิจการบินด้วย
|
|
ก้าวสู่ศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
|
|
ด้วยศักยภาพของสนามบินระดับแนวหน้าของโลก
สนามบินสุวรรณภูมิจึงถูกจับตามองว่า จะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในเรื่องนี้ ดร.สุวัฒน์ฯ ได้ให้ความเห็นว่า การเป็นศูนย์กลางจะต้องเกิดขึ้นจากการยอมรับของบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย
ดังนั้น หากสนามบินมีบริการที่ดี ราคาไม่แพง ทำให้สายการบินผู้ใช้บริการต้องการมาใช้บริการ
และหากสามารถขยายการให้บริการโดยมีคุณภาพที่เป็นหนึ่ง สนามบินก็จะเป็นศูนย์กลางการบินไปได้เองโดยปริยาย
|
|
สำหรับการเป็นศูนย์กลางการบินโดยตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยนั้น
ในอดีตเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว เครื่องบินจะสามารถบินได้ในระยะทางไม่เกิน
2-3 พันกิโลเมตร แล้วจะต้องหยุดพักเครื่องและเติมน้ำมัน เนื่องจากเทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้านัก
เครื่องบินยังบินได้ช้า สิ้นเปลืองน้ำมันมาก และเครื่องบินมีขนาดเล็ก
ดังนั้น ประเทศไทยจึงอยู่ในทำเลที่สามารถเป็นศูนย์กลางการบินของโลกได้โดยเราไม่ต้องทำอะไรมากนัก
แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้เครื่องบินสมัยใหม่สามารถบินได้ติดต่อกันเป็นเวลาถึง
12 ชั่วโมง เป็นระยะทางราว 12,000 กิโลเมตร หรือเกือบครึ่งโลกโดยไม่ต้องหยุดพัก
ความได้เปรียบด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของไทยจึงลดความสำคัญลงไปบ้าง
ทั้งนี้ การบินต่างกับการเดินเรือทางทะเลมาก โดยเส้นทางการเดินเรือจะต้องเดินเรือไปตามทะเลซึ่งมีพื้นที่บริเวณผิวโลกที่ตายตัว
แต่การเดินทางทางอากาศ สามารถเลือกใช้เส้นทางการบินที่เป็นทางตรงไปที่ใดๆ
ก็ได้ตลอดเวลา
|
|
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
รัฐบาลไทยได้พยายามส่งเสริมให้ไทยก้าวขึ้นสู่ความเป็นเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ด้วยการวางแนวทางสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ ได้แก่
|
|
ด้านการกำหนดนโยบายการบิน
โดยการกำหนดบทบาทท่าอากาศยานภายในประเทศไทยให้เป็นลักษณะโครงข่าย
(Network) ที่มีการเชื่อมโยงสนับสนุนกัน โดยมีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลัก
มีการปรับองค์กรกำกับดูแลการบินด้วยการแยกบทบาทของกรมการขนส่งทางอากาศในการกำหนดนโยบาย
การกำกับดูแล และการให้บริการออกจากกัน พร้อมทั้งแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อนำไปสู่การเปิดเสรีการบินอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ
ซึ่งเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2547 ไทยได้เจรจาสิทธิการบินกับจีนเพื่อเปิดเสรีทางการบินระหว่างกันเป็นผลสำเร็จ
ทำให้ไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้ที่สามารถบินไปยังประเทศจีน และจีนก็สามารถบินมาไทยโดยไม่จำกัดจำนวน
ทั้งเที่ยวบิน ผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้า ซึ่งต่อไปไทยกำลังเร่งเจรจาสิทธิทางการบินกับประเทศอินเดียเพิ่มอีกหลายเมือง
จากปัจจุบันที่ได้มีการตกลงสิทธิทางการบินแล้ว 4 เมือง รวมทั้งจะเร่งเจรจาเพื่อเปิดเสรีทางการบินกับ
10 ประเทศในอาเซียน ซึ่งคาดว่าจะสำเร็จภายในปี 2547 และหลังจากนั้นจะดำเนินการเจรจากับประเทศนอกอาเซียนต่อไป
|
|
ด้านกายภาพ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ
และระบบการให้บริการพื้นฐาน รวมทั้งพัฒนากิจกรรมสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง
เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสนามบินสุวรรณภูมิและการให้บริการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มีการจัดระบบโครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงท่าอากาศยานกับชุมชนและแหล่งผลิต
ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพสายการบินของไทย และส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศ
เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น
|
|
สนามบินสุวรรณภูมิ
อีก 20-25 ปีจะเต็ม
|
|
สนามบินสุวรรณภูมิได้ริเริ่มแนวคิดที่จะดำเนินการมาตั้งแต่ปี
2503 นับเป็นเวลา 40 กว่าปีมาแล้ว ณ เวลานั้น พื้นที่ที่กำหนดนี้ถูกพิจารณาว่าใหญ่เพียงพอ
แต่โครงการกลับมาแล้วเสร็จในปี 2548 ซึ่งในเวลานี้ พื้นที่สนามบินที่มีอยู่จะใช้ไปได้อีกเพียงประมาณ
20-25 ปี สนามบินสุวรรณภูมิก็จะเต็ม ไม่สามารถรองรับการขนส่งทางอากาศที่เพิ่มขึ้นได้ทั้งหมด
ซึ่ง ดร.สุวัฒน์ฯ ได้ให้แนวคิดในการแก้ไขปัญหาว่า
|
|
ในอนาคตอีก 20-25 ปีข้างหน้า
สนามบินสุวรรณภูมิก็จะเต็มแล้ว ซึ่งก่อนจะถึงเวลานั้น ประเทศไทยจำเป็นจะต้องเปิดสนามบินดอนเมือง
เพื่อให้บริการสายการบินพาณิชย์ไปพร้อมกันอีกครั้ง โดยอาจเก็บค่าบริการถูกกว่าสนามบินสุวรรณภูมิ
และเปิดให้บริการเฉพาะเส้นทางบินในประเทศหรือประเทศใกล้เคียง รวมทั้งสำหรับสายการบินที่เกิดใหม่
ดังที่ได้มีเกิดขึ้นบ้างแล้วในปัจจุบัน ประเภทโลว์คอสแอร์ไลน์ เป็นต้น
ซึ่งมาตรการดังกล่าวอาจช่วยยืดเวลาที่สนามบินสุวรรณภูมิจะเต็มออกไปได้อีกราว
10 ปี และหลังจากนั้น หากสนามบินทั้งสองแห่งเต็มอีก อาจจะต้องพิจารณาสนามบินแห่งที่สาม
ซึ่งอาจเป็นสนามบินของกองทัพอากาศที่กำแพงแสน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ
90 กิโลเมตร หรืออาจต้องพิจารณาใช้สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ
160 กิโลเมตร ดังนั้นจึงยังพอมีลู่ทางให้ขยับขยายไปได้อีกสี่ถึงห้าสิบปีข้างหน้า
|
|
บทส่งท้าย
|
|
หลังจากรอคอยมา 45 ปี ในที่สุด
สนามบินสุวรรณภูมิที่ทันสมัยที่สุดแห่งใหม่ของโลกจะได้ฤกษ์เปิดให้บริการแน่นอนในวันที่
29 กันยายน 2548 ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจอีกประการหนึ่งของประเทศไทย
และเป็นที่คาดหวังว่าในยุคที่สนามบินกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจดังเช่นปัจจุบัน
สนามบินสุวรรณภูมิจะสามารถนำพาประเทศไปสู่ความเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และเป็นกำลังสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในที่สุด
|
|
|
|
สกู๊ปพิเศษโดย นิสวันต์ พิชญ์ดำรง
|
|
|