"ทักษิณ"  บุกไขลานสุวรรณภูมิ

   
 

ทักษิณ เผยไม่ห่วงงานสุวรรณภูมิที่ล่าช้า มั่นใจจะสามารถเสร็จทันตามกำหนด มั่นใจ 1-2 เดือน ทุกอย่างจะเริ่มทันตามกำหนด พร้อมเปิดใช้ทันกำหนด ก.ย.48 อย่างแน่นอน และที่ประชุม กทภ. ยังเห็นชอบการสร้างเมืองรอบสนามบินในวงเงิน 150,000 ล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี ส่วนราคาวัสดุก่อสร้างทั้งเหล็กและปูน ที่มีราคาสูงขึ้น รัฐบาลจะช่วยดูแลไม่ให้สูงกว่างบที่อนุมัติ

 

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับและพัฒนา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยระหว่างตรวจความคืบหน้าในการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า ขณะนี้ตนไม่มีความเป็นห่วงในการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะขณะนี้แผนงานการก่อสร้างโดยรวมมีความคืบหน้า 48% จากเป้าหมายที่วางไว้ที่ 51% ซึ่งโดยภาพรวมแล้วถือว่าล่าช้าไปเพียง 2-3% เท่านั้น

 

โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดความล่าช้า เนื่องจากการเริ่มก่อสร้างที่ล่าช้า โดยเฉพาะงานก่อสร้างงานผนังกันผ้าใบ ที่ผ่านมาทีมงานผู้รับเหมาก่อสร้างยังไม่มีความคล่องตัว แต่ความเร็วในการก่อสร้าง ในขณะนี้ค่อนข้างอยู่ในระดับที่ดีแล้ว นับจากนี้ไป 1-2 เดือนข้างหน้าเ ชื่อว่าการก่อสร้าง ในระบบต่างๆ จะทันตามแผนกำหนดการณ์ที่วางไว้

 

เชื่อว่า การก่อสร้างหลังจากนี้อีก 1-2 เดือนจะดำเนินการตามแผนได้โดยไม่ล่าช้าอีกต่อไป เพราะทีมงานก่อสร้างมีความชำนาญงานก่อสร้างเป็นอย่างดีแล้ว และไม่มีปัญหาอีกต่อไป สำหรับการตรวจงานวันนี้ยังไม่พบปัญหาอะไร โดยระบบก็เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในการก่อสร้าง ซึ่งจะสร้างให้เสร็จทันเดือน มิ.ย.48 อย่างแน่นอน เพื่อเปิดให้ใช้ทันในเดือน ก.ย.48 ซึ่งเป็นการเปิดบริการอย่างเป็นทางการ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

 

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อถึงกรณีปัญหาที่ราคาเหล็กในปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้หลายๆ ฝ่ายวิตกกังวล และอาจส่งผลกระทบทำให้การก่อสร้างต้องล่าช้า ว่ารัฐบาลจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือ โดยขณะนี้รัฐบาลได้อนุญาตให้ผู้ประกอบการ นำเข้าเศษเหล็กจากยูเครน ซึ่งมีราคาต่ำเข้ามาในประเทศได้ ซึ่งมองว่าราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงจะไม่ส่งผลกระทบต่องบประมาณการก่อสร้างด้วย

 

ปัญหาการขาดแคลนเหล็กนั้น ขณะนี้รัฐพยายามหาทางช่วย โดยการหาเหล็กและปูนเข้ามาเสริม โดยนำเหล็กเข้ามาจากต่างประเทศแล้ว
สำหรับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (AIM ) ในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีแผนจะปรับเพิ่มระบบ จาก 29 เป็น 44 ระบบ หลังจากการเพิ่มบริการรองรับจำนวนผู้โดยสารจาก 45 ล้านคน เป็น 100 ล้านคนในอนาคตว่า ประเมินว่าการเพิ่ม AIM คงไม่มากถึงขั้น 44 ระบบ เพราะแม้จะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น แต่ระบบ AIM ไม่จำเป็นต้องเพิ่มตามจำนวนผู้โดยสาร เพราะปัจจุบันระบบ AIM แต่ละตัวมีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ได้ให้นโยบายไว้ 3 เรื่องหลัก คือ เรื่องแรก หลังเปิดบริการสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว อัตราค่าบริการของท่าอากาศยาน จะต้องแข่งขันกับทั่วโลกได้, เรื่องที่สอง คือการทำสัญญาการก่อสร้างต่างๆ กับเอกชน จะต้องทำสัญญาที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงคุณภาพ บริการ และค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปด้วย และ เรื่องสุดท้าย ให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อดำเนินการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิให้เสร็จตามกำหนดให้ได้

 

นอกจากที่ประชุมยังได้เห็นชอบในหลักการ การก่อสร้างเมืองรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยงบประมาณ จำนวน 150,000 ล้านบาท ด้วยระยะเวลาการก่อสร้าง 30 ปี โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาิติ (สศช.) จะเป็นหน่วยงานทำการศึกษา เพื่อวางระบบผังเมือง ทั้งเขตที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และพื้นที่ทำการเกษตร เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างมีระบบเพื่อ่กำหนดโซนที่ชัดเจน ควบคู่ไปกับการสร้างเมืองใหม่นครนายก

 

จาก บ้านเมือง 26 มี.ค.2547