ผลการประชุม ครม.
(11 พฤศจิกายน 2546)
< คัดเฉพาะ เรื่อง คณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กทภ.)
>
         
  วันที่ 11 พฤศจิกายน 2546 เวลา เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 2 ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีหลังใหม่ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี
  นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ และนายชัชวาลย์ ชมภูแดง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกันแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญ ได้ดังนี้ (คัดเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ คณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กทภ.)
  32. เรื่อง มติคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ครั้งที่ กทภ. 4/2546 (15 ตุลาคม 2546)
    คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมติคณะกรรมการ กทภ. 6 เรื่อง ตามที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กทภ.) เสนอ ดังนี้
   
1.
การเพิ่มพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
   
เห็นชอบให้บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) ดำเนินการก่อสร้างพื้นที่เพิ่มเติมและปรับปรุงพื้นที่เดิมในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ในวงเงินรวม 247 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนจากเงินกู้ Japan Bank for International Cooperation (JBIC)
   
2.
การขยายทางวิ่งตะวันออกจาก 3,700 เมตร เป็น 4,000 เมตร พร้อมค่าควบคุมงานก่อสร้าง และการเพิ่มความแข็งแรง Stopway ทางวิ่งตะวันตก
   
 
เห็นชอบให้บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) ดำเนินการขยายทางวิ่งตะวันออกจากความยาว 3,700 เมตร เป็น 4,000 เมตร และปรับปรุงพื้นผิว Stopway ทางวิ่งตะวันตก ในวงเงินรวม 272 ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวได้รวมค่าควบคุมงานก่อสร้างปรับปรุงคุณภาพดินสำหรับการขยายทางวิ่งตะวันออก จำนวน 5.6 ล้านบาท ที่ บทม. จะใช้ในปีงบประมาณ 2547 ไว้ด้วยแล้ว
   
3.
การเพิ่มระบบตรวจสอบ อุปกรณ์ และงานสาธารณูปโภค สำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อรองรับผู้โดยสาร 45 ล้านคนต่อปี
   
 
เห็นชอบให้บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) ดำเนินการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอาคารผู้โดยสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ผู้โดยสารในระดับ 45 ล้านคนต่อปี และเพิ่มประสิทธิภาพระบบรักษาความปลอดภัยในการตรวจกระเป๋าและสัมภาระของผู้โดยสาร ในวงเงินรวม 6,155 ล้านบาท ประกอบด้วย การเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกของผู้โดยสารภายในอาคาร จำนวน 1,280 ล้านบาท ระบบการตรวจสอบกระเป๋าและสัมภาระของผู้โดยสาร จำนวน 4,500 ล้านบาท ระบบจ่ายน้ำประปา จำนวน 70 ล้านบาท ระบบงานจ่ายไฟฟ้าและท่อร้อยสาย จำนวน 125 ล้านบาท และระบบงานบำบัดน้ำเสียจำนวน 180 ล้านบาท ทั้งนี้ให้ บทม. ดำเนินการจัดหาระบบเพื่อตรวจสอบกระเป๋าและสัมภาระของผู้โดยสารที่เป็นเทคโนโลยีล่าสุด พร้อมทั้งมีเงื่อนไขในการปรับปรุงซอฟต์แวร์ของระบบให้ทันสมัยอยู่เสมอ รวมทั้งการบำรุงรักษาตามปกติไว้ด้วย
   
4.
โครงการก่อสร้างอุโมงค์จากอาคารผู้โดยสารด้านเหนือเชื่อมอาคารเทียบเครื่องบินรอง (Satellite) ตามแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
   
 
เห็นชอบในหลักการให้บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) ก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินจากอาคารผู้โดยสารด้านเหนือเชื่อมอาคารเทียบเครื่องบินรอง (Satellite)โดยคำนึงถึงความจำเป็นในอนาคตหากจะต้องก่อสร้างอุโมงค์รถไฟใต้ดินสายพญาไท-มักกะสัน-สนามบินสุวรรณภูมิ เชื่อมกับอาคารผู้โดยสารด้านใต้ตามแผนแม่บทไว้ด้วย สำหรับวิธีจ้างเหมาให้ใช้วิธีออกแบบพร้อมก่อสร้าง (Design-built) ในวงเงินไม่เกิน 4,013 ล้านบาท และขอให้ บทม. จัดทำข้อกำหนดที่ต้องการรายละเอียดของงาน ปริมาณงาน และหลักเกณฑ์วิธีประเมินราคาค่าจ้างแต่ละงานไว้ให้สมบูรณ์และชัดเจนตั้งแต่แรก โดยต้องเป็นไปตามเกณฑ์เช่นเดียวกับที่หน่วยงานของรัฐหรือระดับสากลใช้ปฏิบัติกันอยู่ในโครงการอื่นเพื่อให้เกิดความโปร่งใส
   
5.
การก่อสร้างขยายความยาวอุโมงค์รถไฟใต้ดินภายในสนามบินของทางรถไฟสายพญาไท-มักกะสัน-สนามบินสุวรรณภูมิ
   
1)
เห็นชอบในหลักการให้บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) ก่อสร้างอุโมงค์รถไฟใต้ดินต่อจากจุดสิ้นสุดโครงการรถไฟใต้ดินที่ บทม. กำลังดำเนินการอยู่ไปทางทิศเหนือจนถึงระดับพื้นดินเป็นระยะทางประมาณ 1,000 เมตร โดยวิธีออกแบบพร้อมก่อสร้าง (Design-Built) ในวงเงินไม่เกิน 3,513 ล้านบาท แล้วให้ บทม. เรียกเก็บเงินค่าลงทุนก่อสร้างอุโมงค์รถไฟใต้ดินคืนจากบริษัทเอกชนที่จะเป็นผู้ร่วมลงทุนในโครงการทางรถไฟสายดังกล่าวในภายหลังต่อไป
   
2)
เห็นชอบในหลักการให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ใช้เงินงบประมาณที่ รฟท. ได้รับไว้แล้วในโครงการทางรถไฟเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียดทางวิศวกรรมของโครงการทางรถไฟสายพญาไท-มักกะสัน-สนามบินสุวรรณภูมิ ต่อไป
   
6.
การทำข้อตกลงเพื่อเร่งรัดงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
   
 
ที่ประชุมเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการเร่งรัดการดำเนินงานก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิลงนามข้อตกลงกับบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่ จำกัด (บทม.) เพื่อผูกพันว่าจะสามารถเร่งรัดงานก่อสร้างในส่วนที่หน่วยงานรับผิดชอบให้แล้วเสร็จ สอดคล้องตามกำหนดเวลาของ บทม. ในแผนดำเนินงานก่อสร้างท่าอากาศยานที่ปรับใหม่ (Revised Master Program) กับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดให้บริการได้ในวันที่ 29 กันยายน 2548
  นอกจากนั้นคณะรัฐมนตรี ยังได้พิจารณาและมีมติเกี่ยวกับเรื่อง ยกเว้นไม่ต้องนำคำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานทั่วไปมาบังคับใช้กับบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินโครงการโรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) สรุปสาระสำคัญ ได้ดังนี้
 
16.
เรื่อง ยกเว้นไม่ต้องนำคำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานทั่วไปมาบังคับใช้กับบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินโครงการโรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
    คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้บริษัทร่วมทุนที่จะจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินโครงการโรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำคำสั่ง กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรี ที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจทั่วไป แต่ไม่รวมถึงในเรื่อง ดังนี้
     
1)
ระเบียบการก่อหนี้ของประเทศ พ.ศ. 2528
     
2)
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2538 และที่จะแก้ไขเพิ่มเติม
   
3)
การให้มีผู้แทนกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นข้าราชการประจำร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการบริษัทฯ
    ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมเสนอว่า เนื่องมาจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีความเห็นร่วมกันเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรีที่ให้บริษัทร่วมทุนที่จะจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการโครงการโรงแรม ท่าอากาศยานดำเนินการยกร่างระเบียบต่างๆ เป็นการเฉพาะของบริษัทร่วมทุนเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไปนั้น จะเป็นข้อจำกัดต่อการดำเนินธุรกิจโรงแรม ซึ่งมีสภาวะตลาดในการแข่งขันสูง และต้องการความคล่องตัวในการบริหารจัดการประกอบกับโครงการโรงแรมท่าอากาศยานเป็นงานที่จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จทันตามกำหนดเปิดใช้งานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดังนั้น การบริหารงานโครงการโรงแรมท่าอากาศยานให้มีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องได้รับการยกเว้นกฎ ระเบียบต่างๆ ซึ่งกระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วเห็นชอบตามที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เสนอ
   
   
กรุณาตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โทรศัพท์. 02-2809000 ต่อ 332