|
|
|
|
|
สนามบินสุวรรณภูมิ
สะท้อนความเป็นมา 3 พันปี ของ "สยามประเทศไทย" ในสุวรรณภูมิ
|
|
ภูมิศาสตร์ของประเทศไทยในแผนที่โลกอยู่ใจกลางภูมิภาคอุษาคเนย์
(หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ที่ชาวชมพูทวีป (คืออินเดียโบราณ)
กับชาวสิงหล (คือลังกาโบราณ) รู้จักมักคุ้นดีในชื่อ สุวรรณภูมิ แล้วมีผู้ถอดเป็นไทยในภายหลังว่า
แหลมทอง
|
|
บริเวณภาคใต้ของไทยเป็นแผ่นดินยื่นยาวลงไปต่อเนื่องถึงมาเลเซีย
กลายเป็นดินแดนคาบสมุทรแหลมทอง ขนาบด้วยสองทะเลสมุทร คือ ทะเลสมุทรแปซิฟิกอยู่ทางตะวันออก
กับทะเลสมุทรอินเดียอยู่ทางตะวันตก
|
|
ทะเลสมุทรตะวันออกเป็นเส้นทางติดต่อถึงจีน
ส่วนทะเลสมุทรตะวันตกเป็นเส้นทางติดต่อถึงอินเดียและดินแดนตะวันออกกลาง
เชื่อมโยงถึงอาหรับ เปอร์เซีย และกรีก-โรมัน ฯลฯ ภายหลังต่อมาก็ถึงยุโรปด้วย
เหตุนี้เองที่เกื้อกูลหนุนให้กรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้านานาชาติ
นับเป็นผลพวงของภูมิศาสตร์สุวรรณภูมิอย่างแท้จริง
|
|
สุวรรณภูมิมี 2 ความหมาย
อย่างแรกหมายถึงภูมิภาคอุษาคเนย์ทั้งหมด แต่ อย่างหลังยังถกเถียงกันไม่ยุติว่าหมายถึงอะไร
? ที่ไหน ? ที่พระเจ้าอโศกส่งพระสงฆ์ ๒ รูปมาเผยแผ่พระพุทธศาสนายังสุวรรณภูมิ
|
|
เมื่อปีที่แล้ว ผมรวบรวมพระราชนิพนธ์
พระนิพนธ์ และบทความวิชาการของนักปราชญ์ราชบัณฑิตชาวสยามไว้ครบถ้วน
แล้วตั้งชื่อหนังสือว่า สุวรรณภูมิอยู่ที่นี่ ที่แผ่นดินสยาม (ศิลปวัฒนธรรม
ฉบับพิเศษ) เพราะมีหลักฐานหนักแน่นและจำนวนมากพอที่จะบอกว่าบริเวณที่พระสงฆ์
2 รูปจากชมพูทวีป มาแผ่พระพุทธศาสนาครั้งแรกในสุวรรณภูมิ คือบ้านเมืองบริเวณลุ่มน้ำแม่กลอง-ท่าจีน
ที่ภายหลังเติบโตขึ้นเป็นรัฐ แล้วปัจจุบันรู้จักในชื่อเมืองอู่ทองที่อำเภออู่ทอง
จังหวัดสุพรรณบุรี
|
|
กระทั่งล่าสุด ผมยกประเด็นนี้มาเสนอเป็นรายงานพิเศษเรื่อง
สยามประเทศไทยในสุวรรณภูมิที่เมืองอู่ทองไว้ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับขึ้นปีที่
25 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2546 เพื่อย้ำให้เห็นหลักฐานและความสำคัญที่มีอยู่ในดินแดนสยามตั้งแต่
๓,๐๐๐ ปีมาแล้ว และมีพัฒนาการต่อเนื่องเป็นคนไทยและประเทศไทยทุกวันนี้
|
|
สุวรรณภูมิในสยาม
บริเวณเมืองอู่ทอง หรือแม่กลอง-ท่าจีน
|
|
ราว 2,500 ปีมาแล้ว
พ่อค้าชาวชมพูทวีป (อินเดีย) ที่เดินทางมาค้าขายแลกเปลี่ยนสิ่งของสินค้ากับหัวหน้าชุมชนในดินแดนอุษาคเนย์
ต่างมีความมั่งคั่งจากการค้าขายทางทะเล จึงมีคำบอกเล่ากล่าวขวัญถึงอุษาคเนย์ว่าเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารและมีแร่ธาตุสำคัญ
เลยพากันเรียกภูมิภาคนี้ว่า สุวรรณทวีปบ้าง สุวรรณภูมิบ้าง ตั้งแต่ครั้งนั้นสืบมา
|
|
นอกจากค้าขายแลกเปลี่ยนสิ่งของสินค้าแล้ว
คนพื้นเมืองโดยเฉพาะกลุ่มผู้นำยังรับเอาอารยธรรมจากชมพูทวีปคืออินเดียมาใช้ในชุมชนท้องถิ่นด้วย
|
|
ชาวอินเดียโบราณที่เดินเรือทะเลเลียบชายฝั่งเข้ามาติดต่อค้าขายกับชาวสุวรรณภูมิ
นอกจากพ่อค้าที่มั่งคั่งแล้วยังมีชนวรรณะอื่นและกลุ่มอื่นด้วย คือ
กษัตริย์ พราหมณ์ และนักบวช ฯลฯ ด้วยความต้องการต่างๆ กันไป บางพวกเข้ามาตั้งหลักแหล่งชั่วคราวไปๆ
มาๆ แต่บางพวกตั้งถิ่นฐานถาวรด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น ลี้ภัยทางการเมือง
โจรสลัด เป็นต้น จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของคนพื้นเมืองก็มี บางพวกแต่งงานกับคนพื้นเมืองแล้วสืบโคตรตระกูลมีลูกหลานกลายเป็นคนพื้นเมืองไปก็ไม่น้อย
|
|
หลังพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วราวๆ
300 ปี หรืออาจกล่าวได้ว่าระหว่าง พ.ศ. 200-300 มีพระสงฆ์ 2 รูป
คือ พระโสณะ กับ พระอุตตระ อาศัยเรือพ่อค้าเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรกที่ดินแดนสุวรรณภูมิ
ส่งผลให้พระพุทธศาสนาเริ่มประดิษฐานลงในภูมิภาคนี้เป็นครั้งแรก ตรงบริเวณที่อยู่ระหว่างลำน้ำแม่กลอง-ท่าจีน
(ปัจจุบันคือเขตอำเภออู่ทอง-จังหวัดสุพรรณบุรี กับบ้านดอนตาเพชร
เขตอำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี)
|
|
พร้อมกันครั้งนั้น
พวกพราหมณ์ก็เข้ามาเผยแผ่ศาสนาฮินดูด้วย ทำให้ชุมชนท้องถิ่นใกล้ทะเลบางแห่งรับพุทธศาสนา
บางแห่งรับศาสนาฮินดู แต่มีบางชุมชนแรกรับพุทธแล้วเปลี่ยนเป็นฮินดู
บางชุมชนแรกรับฮินดูแล้วเปลี่ยนเป็นพุทธ เป็นเหตุให้มีหลายแห่งรับทั้งพุทธและฮินดูปะปนอยู่ด้วยกันในชุมชนเดียวกัน
|
|
เหตุที่เป็นอย่างนั้น
เพราะการจะรับหรือไม่รับสิ่งใดเป็นอำนาจหรือดุลยพินิจวิจารณญาณของหัวหน้าหรือเจ้าเมืองที่เป็นชนชั้นปกครอง
ไม่ใช่อำนาจของพ่อค้าจากชมพูทวีป หรือนักบวช หรือพราหมณ์ที่นำศาสนามาเผยแผ่
|
|
เส้นทางคมนาคมค้าขายแลกเปลี่ยนกับจีน-อินเดีย
|
|
ระหว่าง
พ.ศ.400-500 พวกจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น ขยายการค้าแผ่เข้ามา สุวรรณภูมิทั้งทางบกและทางทะเล
ทำให้สุวรรณภูมิกลายเป็นดินแดนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างตะวันตก คืออินเดีย
กับตะวันออกคือจีน เป็นเหตุให้ปริมาณการค้าขายแลกเปลี่ยนเพิ่มมากขึ้น
มีผู้คนชาติพันธุ์อื่นๆ จากที่ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกเคลื่อนย้ายเข้ามาติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
กับบางพวกเข้ามาตั้งหลักแหล่งถาวร กลายเป็นคนพื้นเมืองต่อไปจำนวนไม่น้อย
|
|
ความเคลื่อนไหวทางการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนครั้งสำคัญนี้
ทำให้มีเมืองท่าหรือสถานีการค้าทางทะเลเกิดขึ้น 2 แห่งสำคัญ คือ
คลองท่อม หรือ ตะโกลา (Takola ที่ควนลูกปัด อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่)
ทางอ่าวพังงา ฝั่งทะเลตะวันตก กับออกแก้ว (Oc-eo) หรือฟูนัน (Funan)
(ที่ปากแม่น้ำโขงในเวียดนาม) ทางฝั่งทะเลตะวันออก
|
|
ในช่วงเวลานี้เองบริเวณสุวรรณภูมิ
ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาก็เกิดบ้านเมืองสำคัญขึ้นทางฟากตะวันตกของอ่าวไทย
(หรือสมัยหลังต่อมาคือฟากตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา) ตรงที่เป็นดินแดนระหว่างลำน้ำแม่กลองกับลำน้ำท่าจีน
(ปัจจุบันมีลำน้ำสาขาเรียกลำน้ำจรเข้สามพัน) รู้จักกันต่อมาภายหลังในชื่อเมืองอู่ทอง
(อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี)
|
|
เมืองอู่ทองนี่เองที่ชนชั้นสูงอันมีเจ้าเมืองเป็นผู้นำ
เลือกรับพระพุทธศาสนาแล้ว ก็น่าจะเริ่มสร้างสถูปเจดีย์เป็นครั้งแรกและแห่งแรกขึ้นที่นี่
หลังจากนั้นจึงมีการสร้างแผ่กระจายกว้างขวางออกไปยังที่อื่นๆ อย่างสืบเนื่องในภายหลัง
(เช่น ที่นครปฐมโบราณ)
|
|
ชาดก-ไตรภูมิ
และ รามายณะ-มหาภารตะ
|
|
ชนชั้นสูงของเมืองอู่ทองยุคแรกรับอารยธรรมจากอินเดีย
เรียนรู้คัมภีร์สำคัญทั้งฝ่ายพุทธและฝ่ายพราหมณ์ (ฮินดู)
|
|
คัมภีร์ฝ่ายพุทธ
ได้แก่ พระสูตร และชาดกหรือพุทธศาสนานิทาน เห็นได้จากจารึกและภาพปูนปั้นสมัยต่อไป
|
|
คัมภีร์ฝ่ายพราหมณ์
(ฮินดู) ได้แก่ มหากาพย์ 2 เรื่อง คือ มหาภารตะ กับรามายณะ เห็นได้จากชื่อบ้านเมืองและพระนามกษัตริย์สมัยต่อไป
|
|
คัมภีร์เหล่านี้จะสืบทอดสู่ยุคต่อไปดังปรากฏอยู่ในภาพปูนปั้นประดับศาสนสถานและชื่อกษัตริย์
ตลอดจนชื่อรัฐที่ได้จากคัมภีร์เหล่านั้น สืบมาจนถึงสมัยหลังและรู้จักกันกว้างขวางอย่างดี
คือ กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยาแล้วเรียกกันสั้นๆ ว่ากรุงศรีอยุธยา
|
|
พิพิธภัณฑ์สุวรรณภูมิ
|
|
หลักฐานดังที่เสนอมาอย่างย่อๆ
นี้ ชี้ให้เห็นว่าบริเวณสยามประเทศไทยคือ สุวรรณภูมิตามชื่อในคัมภีร์ของอินเดียและลังกาสมัยโบราณ
(มีรายละเอียดอีกมากอยู่ในหนังสือที่บอกมาแล้ว)
|
|
ฉะนั้น สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ที่หนองงูเห่า
และได้ชื่อ สุวรรณภูมิ จึงถูกต้องเหมาะสมสอดคล้องกับความเป็นมาในประวัติศาสตร์
ยาวนานเกือบ 3,000 ปีมาแล้ว ซึ่งถือเป็นสิริมงคลยิ่ง นอกจากนั้นยังถูกต้องตามภูมิศาสตร์ด้วย
|
|
ความสำคัญอย่างนี้
ควรจัดเผยแพร่ให้เป็นที่รับรู้ทั่วไปอย่างกว้างขวางในรูปของพิพิธภัณฑ์
ซึ่งมีอาคารสถานที่อยู่แล้ว คือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง ที่อำเภออู่ทอง
จังหวัดสุพรรณบุรี บริเวณเมืองอู่ทองโบราณ หรือสุวรรณภูมิ นั่นเอง
โดยเน้นแสดงหลักฐานพบที่บ้านดอนตาเพชรกับที่เมืองอู่ทองอันเป็นศูนย์กลางเส้นทางคมนาคมการค้าของภูมิภาคตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์
และเป็น สุวรรณภูมิที่พระสงฆ์ 2 รูปจากราชสำนักพระเจ้าอโศกเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาครั้งแรกในอุษาคเนย์
หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (คือ South East Asia กลุ่มอาเซียนปัจจุบัน)
|
|
ถ้าอยากให้ดูดีขึ้นอีก
ก็จัดแสดงเรื่องสุวรรณภูมิอย่างย่อๆ สั้นๆ เป็นนิทรรศการไว้ใน สนามบินสุวรรณภูมิ
ให้เป็นที่รู้ของนานาชาติที่ผ่านเข้ามาเป็นด่านแรก แล้วแนะนำให้ไป
"ท่องเที่ยว" ถึงสถานที่จริงคือเมืองอู่ทอง กับบริเวณลุ่มแม่น้ำท่าจีน-แม่กลอง
|
|
หากทำได้จะแสดงให้เห็นภูมิปัญญาลึกซึ้งของคนไทยสมัยนี้
ส่งผลให้มีการเดินทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและยาวนานด้วย
|
|
|
|