เมื่อวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "Thailand
Competitiveness : How to turn challenges into success?
รับมือความท้าทายเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทย
ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี”
บนความร่วมมือกับหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย
และคณะพาณิชยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ ห้องบอลรูม ชั้น 6
โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท ประตูน้ำ กรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 300
คน
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร
ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่า
การจัดงานเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้เข้าร่วมถึงความสำคัญของการร่วมกันขับเคลื่อนความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
รวมทั้ง การบริหารจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อให้ผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันสะท้อนสถานภาพความสามารถในการแข่งขันที่แท้จริงของประเทศ
นอกจากนี้
ยังเป็นการเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐได้สื่อสารถึงความก้าวหน้าในการดำเนินการด้านการขับเคลื่อนการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระยะที่ผ่านมา
พร้อมทั้งสะท้อนความคิดเห็นและความคาดหวัง
ของภาคเอกชนในการดำเนินการด้านต่างๆ
เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้เห็นเป้าหมายร่วมกัน
และมีส่วนร่วมในการเสนอแนะแนวทางการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
อันจะส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนงานที่ชัดเจนอย่างบูรณาการและนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ
ถัดมา ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมของไทย (อ.ว.) ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง
"ทิศทางการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” ว่า
ปัจจุบันประเทศไทยเรากำลังอยู่ใน "โลกที่ไม่ใช่ใบเดิม”
ในโลกที่พวกเราต้องเผชิญความท้าทายใหม่ 3 ประการ (1)
ปัญหาวิกฤตได้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลายเป็น "ภาวะปกติใหม่”
ไม่ว่าจะเป็นมิติทางเศรษฐกิจ มิติทางความมั่นคง
ซึ่งวิกฤตต่างๆดังกล่าวได้ถาโถมจนเกิดภาวะ ”วิกฤตเชิงซ้อน” (2)
พลวัตการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีทำให้วิถีชีวิตและการดำเนินธุรกิจของพวกเราถูกปรับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
และ (3) การเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายทางเศรษฐกิจ สังคม
และวัฒนธรรมก่อให้เกิดการหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวของประชาคมโลก
จึงทำให้ทุกคนต้องเผชิญกับ สภาวะที่เรียกว่า "สุขก็จะสุขด้วยกัน
ทุกข์ก็จะทุกข์ด้วยกัน”
นอกจากนี้เราจำเป็นต้องมีกระบวนทัศน์ใหม่
ของความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งผมได้วางหลักการไว้ 4 ข้อดังนี้
(1) ปรับเปลี่ยนนิยาม "ความสามารถในการแข่งขัน”
จากเดิมที่มุ่งพัฒนาประเทศสู่ "ความทันสมัย”
โดยเน้นที่ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว
เป็นการมุ่งพัฒนาประเทศสู่ "ความยั่งยืน”
ที่เน้นการสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ, สังคม, สิ่งแวดล้อม,
และปัญญามนุษย์
(2) ปรับเปลี่ยนแนวคิดจากการมองคนเป็นเพียงปัจจัยการผลิต
เพื่อสร้างการเติบโตของประเทศเป็นการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อให้เกิดการปลดปล่อยศักยภาพของผู้คน
อันจะก่อให้เกิดความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน
(3) เปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจจากเศรษฐกิจแบบเส้นตรง
ที่การผลิตไปสู่การบริโภคมีการสูญเสียทรัพยากรเกิดขึ้นมากมายในกระบวนการ
ไปสู่เศรษฐกิจแบบหมุนเวียน
ที่ลดการสูญเสียและนำทรัพยากรกลับมาใช้ในวงรอบเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด
และ (4)
เปลี่ยนจากสังคมที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องไปสู่การสร้างสังคมที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
ให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
ดังนั้น
เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยสอดรับกับกระบวนทัศน์ดังกล่าว
การขับเคลื่อนประเทศจากนี้ไป ต้องตั้งอยู่บนแนวคิด 3 ประการ ได้แก่
(1) "สร้างความเข้มแข็งจากภายใน
พร้อมๆกับเชื่อมโยงกับประชาคมโลก”
(2) "เดินหน้าไปด้วยกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
รวมถึงการรังสรรค์นวัตกรรมที่เข้าถึงได้ทุกภาคส่วน และ (3)
"น้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขับเคลื่อนสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน”
หรือ SEP for SDGs
โดยสรุปแล้ว
การที่ประเทศไทยจะขยับตำแหน่งในการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขัน
ตามตัวชี้วัดของสถาบันนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น WEF หรือ IMD
จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลย
หากประชาชนคนไทยทุกคนตั้งแต่ระดับฐานรากไปถึงภาคธุรกิจขนาดใหญ่ไม่ได้ร่วมรังสรรค์และรับประโยชน์อย่างทั่วถึงในแนวทางของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ผมหวังว่าหลักการและแนวคิดที่ผมนำเสนอในวันนี้
จะทำให้พวกเราทุกคนตระหนักและร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยอันเป็นที่รักของพวกเราต่อไป
ทั้งนี้ การประชุมเชิงปฏิบัติการนี้ มีการเสวนาแบ่งเป็น 2 ช่วง
คือ ช่วงที่ 1 เป็นการสื่อสารจากภาครัฐ
ในหัวข้อ "ความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
20 ปี” โดยผู้ร่วมอภิปราย ประกอบด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์
เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ
เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และ ดร.วีระ
วีระกุล
รองประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย
และ ช่วงที่ 2 เป็นการสื่อสารจากภาคเอกชน
ภาคการศึกษา และตัวแทนผู้ประกอบการยุคใหม่ ในหัวข้อ "Competitiveness & Innovation: ความท้าทาย
ก้าวกระโดดข้ามได้ด้วยนวัตกรรม” โดยผู้ร่วมอภิปราย ประกอบด้วย
ผศ.ดร.ทพ.สุปรีดา อดุลยานนท์
ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พง
ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย รศ.ดร.ณัฐชา ทวีแสงสกุลไทย
รองอธิการบดีด้านการพัฒนางานใหม่และงานนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และนายชัชนาท จรัญวัฒนากิจ อุปนายกสมาคม
Thailand Tech Startup Association, Co-Founder of Seekster โดยมี
นายจิรัฐิติ ขันติพะโล
ผู้สื่อข่าวด้านเศรษฐกิจและการลงทุน เป็นผู้ดำเนินรายการ
ข่าว
: กองยุทธศาสตร์และประสานการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน
สศช.
ภาพ : คมสัน วรวิวัฒน์
เรียบเรียง/เผยแพร่ : ธนเทพ ปลายแก่น
|