เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2562 ดร.วิชญายุทธ
บุญชิต รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการขับเคลื่อนการบูรณาการวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรมในระดับพื้นที่และภาค เวทีแรก
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์
คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดขอนแก่น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งระดมความเห็นทุกภาคีกำหนดแนวทางแก้ปัญหาและขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรม
ให้สามารถตอบสนองศักยภาพเชิงพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม
การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวจัดโดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.)
ซึ่งเป็นกิจกรรมภายใต้โครงการขับเคลื่อนประเด็นการพัฒนาสำคัญของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) สู่การปฏิบัติ
โดยได้คัดเลือกประเด็นเรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม หรือ
วทน. ในระดับพื้นที่และภาค
ซึ่งเป็นประเด็นการพัฒนาที่เชื่อมโยงหลายมิติและมีผลกระทบสูงต่อการพัฒนา
มาเป็นประเด็นหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนา โดย สศช.
ได้ดำเนินการมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
เริ่มตั้งแต่การศึกษารวบรวมข้อมูลและติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อน
วทน. ในภาพรวมของประเทศ จากนั้นได้ทำการศึกษาข้อมูลในเชิงประจักษ์
โดยลงพื้นที่ในภูมิภาคต่าง ๆ
เพื่อหารือกับหน่วยงานและภาคีที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อน วทน.
เพื่อรับทราบถึงบทบาท ความรับผิดชอบ และผลการดำเนินงานขับเคลื่อน วทน.
ในเชิงพื้นที่ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคและข้อจำกัดต่าง ๆ
ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาหรือแนวทางการผลักดันให้การขับเคลื่อน
วทน. ในแต่ละพื้นที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สามารถตอบสนองศักยภาพของพื้นที่และตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม
จากนั้นนำผลการศึกษาและสำรวจข้อมูลทั้งหมดมาประมวลจัดทำเป็น (ร่าง)
ข้อเสนอแนะการขับเคลื่อน วทน. ระดับพื้นที่และภาค
เสนอต่อภาคีการพัฒนาในการประชุมเชิงปฏิบัติการในวันนี้
การประชุมในภาคเช้า
เริ่มด้วยการกล่าวรายงานและชี้แจงวัตถุประสงค์การประชุมโดยนางสาวนุชจรี
วงษ์สันต์ รักษาการที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สศช.
หลังจากนั้น ดร.วิชญายุทธฯ
ได้กล่าวเปิดการประชุมและให้แนวทางการระดมความคิดเห็น
โดยได้เน้นย้ำต่อที่ประชุมว่า สศช.
อยากให้ร่วมกันนำเสนอถึงปัจจัยความสำเร็จใดในการขับเคลื่อน วทน.
ระดับพื้นที่ ที่จะเป็นเสมือน "จุดคานงัด”
ที่ช่วยให้การพัฒนาในด้านอื่น ๆ
เกิดความก้าวหน้าหรือเกิดประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย
รวมถึงร่วมกันกำหนดแนวทางในการบูรณาการการขับเคลื่อน วทน.
กลไกการดำเนินงาน หน่วยงานเจ้าภาพ
และกลไกการติดตามประเมินผลระดับพื้นที่
นอกจากนี้ ดร.อธิพงศ์ หิรัญเรืองโชค
ผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตามและประเมินผลเศรษฐกิจและสังคม
ได้นำเสนอสถานการณ์การขับเคลื่อน วทน. ในระดับพื้นที่และระดับภาค ซึ่ง
สศช. ได้รวบรวมข้อมูล ติดตามความก้าวหน้า
และลงพื้นที่ในภูมิภาคเพื่อหารือหน่วยงานและภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับ
วทน. เชิงพื้นที่ ในลักษณะประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ในรอบแรก และ
(ร่าง) ข้อเสนอแนวทางการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ก่อนเปิดโอกาสให้ผู้เข้าประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินที่ผ่านมา
รวมถึงปัญหาอุปสรรคที่พบ และปัจจัยความสำเร็จต่าง ๆ
สำหรับในภาคบ่าย เป็นการประชุมกลุ่มย่อย 2 กลุ่ม
เพื่อระดมความเห็นร่วมกันกำหนดข้อเสนอแนะแนวทาง วทน.
ในระดับพื้นที่และภาค โดยกลุ่มที่ 1
เป็นกลุ่มหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกลุ่มที่ 2 เป็นหน่วยงานภาคเอกชน
ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และอื่น ๆ
ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้นประมาณ 70 คน ประกอบด้วย
ผู้แทนของหน่วยงานและภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อน วทน.
ในพื้นที่และภาค
ทั้งในส่วนของหน่วยงานสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทำหน้าที่ประสานนโยบายและเชื่อมโยงงานด้าน
วทน. ลงสู่พื้นที่
หน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงองค์ความรู้และให้บริการด้าน
วทน. ให้กับผู้ประกอบการ
หน่วยงานปฏิบัติที่ทำหน้าที่ประสานสนับสนุนและถ่ายทอด วทน.
ให้กับกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ในพื้นที่
หน่วยงานที่ดูแลเรื่องการตลาดให้กับผู้ประกอบการที่นำ วทน.
มาเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ นักวิจัยจากสถาบันการศึกษา
หน่วยงานด้านยุทธศาสตร์จังหวัด/กลุ่มจังหวัด
สถาบันภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่
รวมถึงผู้ที่ใช้ประโยชน์จาก วทน. ทั้งที่เป็นผู้ประกอบการภาคเอกชน
วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร
ทั้งนี้ การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในอีก 3 ภาค คือ ภาคกลาง
ภาคใต้ และภาคเหนือ กำหนดจัดในช่วงเดือนเมษายน 2562
โดยผลการประชุมทั้ง 4 ภาค สศช. จะนำมาประมวลและจัดทำเป็น (ร่าง)
ข้อเสนอแนวทางแก้ปัญหาและขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้สามารถตอบสนองศักยภาพเชิงพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรมและเสนอต่อสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป
ข่าว / ภาพ : สำนักประเมินผลและเผยแพร่การพัฒนา
|