เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2561 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่
4/2561 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ โดยมี นางชุตินาฏ วงศ์สุบรรณ
รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เข้าร่วมการประชุม
ซึ่งได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แก้ไขเพิ่มเติมตามมติที่ประชุมในการประชุมปรึกษาหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่
7 มิถุนายน 2561 ที่มี ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
เป็นประธาน
คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วมีมติอนุมัติร่างพระราชบัญญัติฯ
ดังกล่าว แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา
ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
พร้อมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. …. ให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับใหม่
แล้วให้ส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป
สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
พ.ศ. .... มีดังนี้
1. สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
1.1 กำหนดให้มี
"สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ” ประกอบด้วยประธานสภาหนึ่งคน
และกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินสิบห้าคน
และให้ปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการ ก.พ. เลขาธิการ ก.พ.ร.
ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
เป็นกรรมการสภา และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เป็นกรรมการและเลขานุการ
1.2
กำหนดให้ประธานสภาและกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี
โดยผู้ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน
1.3
กำหนดให้สภาสามารถมีมติให้เชิญปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับเรื่องที่พิจารณา
หรือผู้ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญมาเข้าร่วมประชุมเป็นครั้งคราวในฐานะกรรมการสภาด้วยก็ได้
โดยให้ผู้ที่ได้รับเชิญมามีฐานะเป็นกรรมการสภาสำหรับการประชุมครั้งที่ได้รับเชิญนั้น
1.4
กำหนดให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่กำหนดกรอบทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
จัดทำร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และให้ความเห็นต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี
2. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
2.1
กำหนดให้มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างต่อเนื่อง
ในแต่ละช่วงระยะเวลาห้าปี
2.2
กำหนดให้มีคณะกรรมการยกร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในแต่ละด้าน
ตามกรอบของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ทำหน้าที่ยกร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและเสนอต่อสภาพิจารณา
โดยต้องมีการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเพื่อนำมาประกอบการยกร่างด้วย
2.3
กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี
และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยให้เป็นหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่จะกำกับดูแลและสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งดำเนินการให้เป็นไปตามแผนดังกล่าวด้วย
3.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
3.1
กำหนดให้มีสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ทำหน้าที่ดำเนินงานในฐานะเจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของสภา
ประสานงานกับหน่วยงานของรัฐและประชาชนเกี่ยวกับการจัดทำร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ฯลฯ
3.2
กำหนดให้มีคณะกรรมการประสานการดำเนินงานด้านยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ
ทำหน้าที่วิเคราะห์ ติดตาม
และประเมินผลการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่อื่นที่สภามอบหมาย
4. บทเฉพาะกาล
4.1
ให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
พ.ศ. 2521
ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับปฏิบัติหน้าที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพลางก่อน
4.2 ให้โอนบรรดาภารกิจ อำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน
งบประมาณ สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง
และอัตรากำลังของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปเป็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
4.3
ให้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามประกาศพระราชโองการ เรื่อง
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564)
ลงวันที่ 29 ธันวาคม พุทธศักราช 2559
ที่ใช้อยู่ในวันก่อนที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับ
ถือว่าเป็นแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามร่างพระราชบัญญัตินี้
และยังให้คงใช้ได้ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565
ข่าว / ภาพ : สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|