คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม
เดินหน้าทำแผนและขั้นตอนปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
มุ่งสร้างกลไกช่วยเหลือประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรม
ปรับปรุงระบบการสอบสวนคดีอาญาให้มีการตรวจสอบถ่วงดุล
นำนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการสอบสวนคดีอาญา
และพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรในกระบวนการยุติธรรมให้มุ่งอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนโดยสะดวกและรวดเร็ว
เน้นกำหนดแนวทาง 7 ประเด็นในการปฏิรูป
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมี นายอัชพร
จารุจินดา เป็นประธานกรรมการ พร้อมด้วยกรรมการอีก 9 คน ได้แก่ พลเอก
กฤษณะ บวรรัตนารักษ์ นายตระกูล วินิจนัยภาค ว่าที่ร้อยตรี ถวัลย์
รุยาพร คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ นายวันชัย รุจนวงศ์ นายสงกานต์
อัจฉริยะทรัพย์ นายสราวุธ เบญจกุล พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน และ
นายชาญณรงค์ ปราณีจิตต์ เป็นกรรมการและเลขานุการ
ร่วมประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
โดยจากการประชุมจำนวน 7 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 5 กันยายน 2560 วันที่ 12
กันยายน 2560 วันที่ 19 กันยายน 2560 วันที่ 3 ตุลาคม 2560 วันที่ 6
ตุลาคม 2560 วันที่ 9 ตุลาคม 2560 และ วันที่ 12 ตุลาคม 2560 ณ
ห้องประชุมอาคารรัฐสภา ได้กำหนดแนวทางการทำแผนปฏิรูปในประเด็นต่างๆ 7
ประเด็น ดังต่อไปนี้
1)
กำหนดระยะเวลาการดำเนินงานของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมในทุกขั้นตอนให้มีความชัดเจน
ประชาชนสามารถตรวจสอบ รับทราบความคืบหน้าของคดี
เข้าถึงข้อมูลและ/หรือมีส่วนร่วมในการแสวงหาข้อมูลเท่าที่ทำได้ให้มากที่สุด
เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่องและเป็นธรรม
โดยมุ่งหมายให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า
2)
สร้างกลไกช่วยเหลือประชาชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่าย
เช่น การจัดหาทนายความที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา
หรือจำเลย การปรับปรุงระบบยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล
การตั้งเจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนในการยื่นฟ้องคดีปรับปรุงสิทธิ์ในการเยียวยา
ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ค่าเสียหายอื่น
รวมถึงค่าตอบแทนจากรัฐให้มีประสิทธิภาพ
สร้างกลไกในการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายหรือเหยื่อ
เช่น เด็ก หรือ สตรี
ที่ถูกกระทำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือในคดีค้ามนุษย์ เป็นต้น
3) สร้างกลไกเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมในสังคม
เช่น สร้างมาตรการแทนการควบคุมตัวผู้กระทำความผิดอาญา (Non-Custodial
Measures) โดยการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM)
มาใช้ในการปล่อยชั่วคราวการคุมประพฤติ และแทนการลงโทษ จำคุก
ซึ่งนอกจากจะลดความเหลื่อมล้ำแล้วยังสามารถแก้ปัญหานักโทษล้นคุกอีกส่วนหนึ่งด้วย
รวมถึงให้มีการนำโทษอย่างอื่นมาใช้แทนการลงโทษจำคุกระยะสั้น
4) สร้างกลไกเพื่อให้มีการบังคับการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น
พัฒนาระบบการบังคับตามคำพิพากษาให้เกิดประสิทธิภาพ ทั้งโทษปรับ
โทษริบทรัพย์สิน และการติดตามจับกุมผู้หลบหนีคดีมารับโทษ รวมถึง
การจัดตั้งศาลและวิธีพิจารณาคดีพิเศษให้เหมาะสมกับบริบทของสังคม เช่น
คดีสิ่งแวดล้อมและคดีจราจร รวมถึงการสร้างบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม
ให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง (พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ผู้พิพากษา)
เพื่อให้การบังคับใช้ตามกฎหมายเฉพาะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
5) ปรับปรุงระบบการสอบสวนคดีอาญา
โดยให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการ
กำหนดระยะเวลาการปฏิบัติเพื่อไม่ให้คดีขาดอายุความ
และสร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ
และให้มีความเป็นอิสระในการดำเนินคดีอย่างแท้จริง
6) กำหนดให้นำนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการสอบสวนคดีอาญา
รวมทั้งจัดให้มีการบริการด้านนิติวิทยาศาสตร์มากกว่าหนึ่งหน่วยงานและมีอิสระจากกัน
เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างมีทางเลือก
และต้องสามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั่วประเทศอย่างทั่วถึง
โดยมีมาตรฐานเดียวกัน
เพื่อไม่ให้เกิดการรวมศูนย์ไว้ที่จุดเดียวดังเช่นปัจจุบัน
7) เสริมสร้างและพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร ของหน่วยงานต่างๆ
ในกระบวนการยุติธรรมให้มุ่งอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนโดยสะดวกและรวดเร็วเป็นสำคัญ
รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงด้านรายได้ สิทธิประโยชน์
และสวัสดิการให้กับบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมให้มีรายได้อย่างเพียงพอที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี
เพื่อไม่ให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
ในโอกาสนี้ คณะกรรมการฯ ได้แต่งตั้ง พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน
เป็นโฆษกคณะกรรมการฯ
พร้อมทั้งได้เปิดช่องทางให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
เสนอแนะ ให้ข้อมูลต่างๆ
ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมผ่าน 3
ช่องทาง ได้แก่
ช่องทางที่ 1 เว็บไซต์ สำนักงานศาลยุติธรรม
http://reform.coj.go.th
ช่องทางที่ 2 เพจการปฏิรูปประเทศ
ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
https://www.facebook.com/ร่วมปฏิรูประเทศ-1656871104331436
ช่องทางที่ 3 ตู้ ปณ. 33 รัฐสภา กทม. 10305
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ
จะจัดเวทีการสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน
บุคลากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม
ซึ่งจะประชาสัมพันธ์กำหนดเวลาการจัดสัมมนาให้ทราบต่อไป
สำหรับความคิดเห็นที่ได้จากการสัมมนาและช่องทางต่างๆ คณะกรรมการฯ
จะนำมาใช้ประกอบการทำแผนปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม
โดยกำหนดจะพิจารณาจัดทำแผนปฏิรูปฯ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม
2560
ข่าว : คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม
ภาพ : อมรเทพ ศรีประเสริฐ
|