logo

ข่าวสาร >> ข่าวสาร/กิจกรรม

สภาพัฒน์ เปิดเวที  ร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประชากรภายใต้ทิศทางการพัฒนาของแผนฯ 13 ณ จังหวัดขอนแก่น


วันที่ 23 ก.พ. 2566

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเวที "ร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประชากรภายใต้ทิศทางการพัฒนาของแผนฯ 13” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาประเทศ ตามแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 แผนพัฒนาประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว และแผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งเพื่อระดมความคิดเห็นในการขับเคลื่อนการพัฒนาในระดับพื้นที่ และเป็นการสร้างภาคีเครือข่ายในการประสานการขับเคลื่อนการพัฒนาร่วมกับภาคีเครือข่ายการพัฒนาฯ ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา วุฒิอาสาธนาคารสมอง และชุมชนท้องถิ่น เพื่อเป็นการแปลงแผนการพัฒนาไปสู่การปฏิบัติที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ 

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 สศช. ได้เปิดเวทีนำเสนอและระดมความคิดเห็นการขับเคลื่อนงานพัฒนาในระดับพื้นที่ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 แผนพัฒนาประชากรฯ และแผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปสู่การสร้างเสริมความเข้มแข็งของประชากรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ที่นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ โรงแรม อวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น จังหวัดขอนแก่น โดยได้รับเกียรติจากนางสาวธนียา นัยพินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวต้อนรับ และมีการนำเสนอวัฒนธรรมพื้นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือผ่านการแสดงของศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย ด้านศิลปกรรมการแสดงพื้นบ้าน (หมอลำ) แม่ครูราตรี ศรีวิไล โดยคุณแม่ราตรี ศรีวิไล วุฒิอาสาธนาคารสมองจังหวัดขอนแก่นให้เกียรตินำแสดงด้วยตนเอง 

จากนั้นนางสาววรวรรณ  พลิคามิน รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำเสนอ "แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) แผนพัฒนาประชากรฯ (พ.ศ. 2565 – 2580) และประเด็นการขับเคลื่อนด้านประชากรที่สำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” และนายมนตรี ดีมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำเสนอ "เป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” โดยผู้ร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยราชการส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจเอกชน เครือข่ายภาคประชาสังคมและชุมชน ประมาณ 150 คน 

โดยแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 มีมิติการพัฒนา 4 มิติ ประกอบด้วย (1) มิติภาคการผลิตและบริการเป้าหมาย ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 1 ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง หมุดหมายที่ 2 ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและความยั่งยืน หมุดหมายที่ 3 ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก หมุดหมายที่ 4 ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง หมุดหมายที่ 5 ไทยเป็นประตูการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค หมุดหมายที่ 6 ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและอุตสาหกรรมดิจิทัลของอาเซียน (2) มิติโอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 7 ไทยมีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง และสามารถแข่งขันได้ หมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน หมุดหมายที่ 9 ไทยมีความยากจนข้ามรุ่นลดลง และมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ เหมาะสม (3) มิติความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 10 ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ หมุดหมายที่ 11 ไทยสามารถลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ (4) มิติปัจจัยผลักดันการพลิกโฉมประเทศ ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 12 ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต และหมุดหมายที่ 13 ไทยมีภาครัฐที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ประชาชน

สำหรับแผนพัฒนาประชากรฯ เป็นแผนระดับ 3 ที่ถ่ายระดับจากแผนฯ 13 มีกรอบแนวทางการพัฒนาประชากรที่ให้ความสำคัญกับ "การเกิดดี อยู่ดี และแก่ดี” ผ่านยุทธศาสตร์การพัฒนา 6 ด้าน คือ (1) การสร้างครอบครัวที่มีคุณภาพและพัฒนาระบบที่เอื้อต่อการมีและเลี้ยงบุตร (2) การพัฒนายกระดับผลิตภาพประชากร (3) การยกระดับความมั่นคงทางการเงิน (4) การสร้างเสริมสุขภาวะเพื่อลดการตายก่อนวัยอันควร และมีระบบดูแลระยะยาวและช่วงท้ายชีวิต (5) การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิต อย่างมีคุณภาพกับทุกกลุ่มวัย และ (6) การบริหารจัดการด้านการย้ายถิ่น 

ขณะที่แนวทางการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ. 2566 – 2570 ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือสู่การเป็น "ศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” โดยให้ความสำคัญกับประเด็นการพัฒนาใน 3 มิติ ได้แก่ (1) การเป็นฐานการผลิตของประเทศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green) (2) การเป็นประตูเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน (Gate) และ (3) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน (Growth)

นอกจากนี้ ยังนำเสนอตัวอย่างการขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯ สู่การปฏิบัติระดับพื้นที่ของผู้แทนภาคีเครือข่ายที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ "การสร้างหลักประกันให้เกิดความมั่นคงของคนในชุมชน” โดยนายประวัติ กองเมืองปัก คณะทำงานเครือข่ายสวัสดิการชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ "คนรุ่นใหม่คืนถิ่น ปลดหนี้ด้วยการตลาด” โดยนายธนาวัฒน์ จันนิม เครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดสุรินทร์ และ "วิสาหกิจเพื่อสังคม สร้างการเติบโตแบบมีส่วนร่วม” โดยนายบัญญัติ คำบุญเหลือ กรรมการผู้จัดการบริษัทสฤก จำกัด โดยมีนายวิรัช มั่นในบุญธรรม นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลขอนแก่น เป็นผู้ดำเนินรายการ 

หลังจากนั้นเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อระดมความเห็นประเด็นการขับเคลื่อนสำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยประเด็นการขับเคลื่อนประเด็นการขับเคลื่อนการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ และประเด็นการส่งต่อโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ ดำเนินการโดยใช้กระบวนการ ต้นไม้ระบบสุขภาพชุมชน ที่เป็นการประยุกต์จากพื้นฐานแนวคิดกรอบระบบสุขภาพที่พึงประสงค์ มาใช้ในการค้นหาสถานการณ์ บริบท ทุนที่มีอยู่ในพื้นที่ที่สามารถนำไปสู่การขับเคลื่อนที่เป็นรูปธรรมได้ สำหรับประเด็นการขับเคลื่อนการออกแบบกลไกการออม และประเด็นการขับเคลื่อนการสร้างงานสร้างอาชีพทุกกลุ่มวัย ดำเนินการโดยใช้กระบวนการการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยคำถามสำคัญ (5W1H) What? Who? When? Where? Why? How? ที่เป็นชุดคำถามอย่างเป็นระบบในการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นในการอธิบายปัญหาและกำหนดแนวทางในการดำเนินงาน โดยมีผู้แทนจากกลุ่มวิจัยความอยู่ดีมีสุขและการพัฒนาที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมด้วยผู้แทนจากโรงพยาบาลขอนแก่น และผู้แทนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เป็นวิทยากรกระบวนการ และผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเป็นทีมสรุปประเด็นร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ สศช.

สำหรับผลการระดมความคิดเห็นในแต่ละประเด็นสามารถกำหนดประเด็นการขับเคลื่อนการพัฒนาที่สำคัญ ได้แก่ การขับเคลื่อนการออกแบบกลไกการออม อาทิ การถอดบทเรียนและขยายผลจากพื้นที่ต้นแบบ การปรับหลักสูตรและมีกิจกรรมการเรียนการสอนที่เพิ่มทักษะความรอบรู้ทางการเงิน การสร้างทัศนคติการออมที่เริ่มจากตัวเราเอง การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ อาทิ การผลักดันให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพิ่มสิทธิประโยชน์การตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ตับด้วยวิธีการตรวจทางปัสสาวะ และการตรวจคัดกรองมะเร็งท่อน้ำดีด้วยวิธีอัลตราซาวด์ การสร้างพื้นที่ต้นแบบการกำจัดพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม และสุรินทร์ การส่งต่อโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ อาทิ การเปลี่ยนโรงเรียนขนาดเล็กที่จะถูกปิดตัวให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ประจำชุมชน การพัฒนาธนาคารเครดิตเพื่อสะสมความรู้ การศึกษาและถอดบทเรียนพื้นที่ตัวอย่างในการส่งเสริมกิจกรรมให้เด็กสามารถนำความรู้ในห้องเรียนไปประยุกต์ใช้ได้ การมีห้องเรียนสอนซ่อมเสริมสำหรับนักเรียนที่มีความเสี่ยงจะหลุดออกนอกระบบ และการสร้างงานสร้างอาชีพ อาทิ การจัดทำแผนพัฒนาชุมชนที่มุ่งเน้นการบริหารจัดการตนเองภายในชุมชน การใช้ห้องเรียนอัจฉริยะเป็นพื้นที่อบรมให้ความรู้ผ่านภูมิปัญญาท้องถิ่นในการเผยแพร่และสร้างศักยภาพให้แก่คนในชุมชน

ทั้งนี้ ประเด็นที่ได้มาจากการวิเคราะห์สถานการณ์และแนวทางการพัฒนาตามแผนพัฒนาประชากรระยะยาว รวมถึงผลการระดมความคิดเห็นที่ได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายในพื้นที่จะมีบทบาทสำคัญในการนำไปสู่การขับเคลื่อนแผนอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพต่อไป

ภาพ/ข่าว : กองยุทธศาสตร์การพัฒนาความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม

t20230223133810_52956.jpg
t20230223133814_52957.jpg
t20230223133821_52958.jpg
t20230223133831_52959.jpg
t20230223133837_52960.jpg
t20230223133844_52961.jpg
t20230223133852_52962.jpg
t20230223133901_52963.jpg
t20230223133908_52964.jpg
t20230223133913_52965.jpg
t20230223133939_52966.jpg
t20230223133952_52967.jpg
t20230223133958_52968.jpg
t20230223134006_52969.jpg
t20230223134013_52970.jpg

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 962 ถนนกรุงเกษม เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
โทรศัพท์ : 02-2804085 ต่อฝ่ายไอที แฟกซ์ : 0-2281-3938
E-mail : webmaster@nesdb.go.th