สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณชนและภาคีการพัฒนาทุกภาคส่วน ณ
จังหวัดสุโขทัย ต่อ "ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13
(พ.ศ. 2566-2570)” เพื่อร่วมปรับปรุงร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13
ให้มีความสมบูรณ์ สอดคล้องกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
และสามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละภาคส่วนได้อย่างแท้จริง
ก่อนประกาศใช้ในเดือนตุลาคม 2565
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชนและภาคีการพัฒนาทุกภาคส่วน ณ
ณ โรงแรมสุโขทัยเทรเชอร์ รีสอร์ท แอนด์สปา อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย
โดย คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา
กรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวเปิดการประชุม
และเป็นประธานในการประชุมรับฟังความคิดเห็น และนายชยชัย แสงอินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย
กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น โดยมีนางสาวจินางค์กูร โรจนนันต์
รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำเสนอ
"ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570)”
สำหรับผู้ร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยราชการส่วนภูมิภาค
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจเอกชน
เครือข่ายภาคประชาสังคม และนักวิชาการ จำนวนประมาณ 50 คน
การจัดประชุมในครั้งนี้เป็นการนำเสนอรายละเอียดของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่
13 ต่อเนื่องจากเวทีที่ สศช. ได้ดำเนินการมาในช่วงเดือนมีนาคม–เมษายน
2564 เพื่อรับฟังความเห็นต่อกรอบของแผนฯ โดย สศช.
ได้นำข้อเสนอแนะจากการระดมความเห็นทุกเวทีมาปรับปรุงกรอบของแผนฯ
ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
จากนั้นได้กำหนดเป้าหมายหลักของการพัฒนาในระยะ 5 ปีของแผน รวมทั้งสิ้น
5 เป้าหมาย และรายละเอียดหมุดหมายการพัฒนาสำคัญรวม 13 หมุดหมาย
เพื่อให้แผนฯ
สามารถตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของประชาชนได้อย่างแท้จริง สศช.
จึงได้นำร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13
ในรายละเอียดมาระดมความเห็นร่วมกับภาคีการพัฒนาในกลุ่มจังหวัด 18
กลุ่ม และกลุ่มเฉพาะในส่วนกลาง ๗ กลุ่มอีกครั้ง
จึงเป็นที่มาของการประชุมในครั้งนี้
วัตถุประสงค์ของการประชุมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับร่างแผนพัฒนาฯ
ฉบับที่ 13 ให้กับสาธารณชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งภาครัฐและภาคีการพัฒนาต่าง ๆ
รวมถึงเปิดโอกาสให้ภาคีการพัฒนาในระดับพื้นที่/กลุ่มเฉพาะ
ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13
ทั้งในระดับภาพรวม ได้แก่ เป้าหมาย กลยุทธ์ ยุทธศาสตร์
และแนวทางหลักในร่างแผนฯ และระดับหมุดหมาย ได้แก่ เป้าหมาย ตัวชี้วัด
และกลยุทธ์ในแต่ละหมุดหมาย
ให้มีความสมบูรณ์และสอดคล้องกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
สามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละภาคส่วนได้อย่างแท้จริง
นางสาวจินางค์กูร โรจนนันต์ รองเลขาธิการฯ
นำเสนอร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 สรุปสาระสำคัญได้ว่า แผนฯ 13
มีเป้าหมายหลักของการพัฒนาในระยะ 5 ปีของแผนรวม 5 เป้าหมาย ได้แก่
(1)
การปรับโครงสร้างการผลิตสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม
โดยรายได้ประชาชาติต่อหัวเพิ่มขึ้นจาก 7,050 เหรียญสหรัฐในปี 2563
เป็น 8,800 เหรียญสหรัฐในปี 2570 (2)
การพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่
โดยดัชนีการพัฒนามนุษย์เพิ่มขึ้นจาก 0.777 ในปี 2562 เป็น 0.820 ในปี
2570 (3)
การมุ่งสู่สังคมแห่งโอกาสและความเป็นธรรม
โดยความแตกต่างของความเป็นอยู่ระหว่างกลุ่มประชากรที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูงสุดร้อยละ
10 และต่ำสุดร้อยละ 40 ลดลงจาก 5.66 เท่าในปี 2562 เหลือต่ำกว่า 5
เท่าในปี 2570 (4)
การเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน
โดยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมครอบคลุมสาขาพลังงานและขนส่ง
อุตสาหกรรม และการจัดการของเสีย ลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 15
จากการปล่อยในกรณีปกติ ภายในปี 2570 (5)
การเสริมสร้างความสามารถของประเทศในการรับมือกับความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลง
ภายใต้บริบทโลกใหม่
โดยขีดความสามารถของการปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศและการเตรียมความพร้อมฉุกเฉินด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นจากร้อยละ
85 ในปี 2563 เป็นร้อยละ 90 ในปี 2570
อันดับความเสี่ยงด้านภูมิอากาศเฉลี่ย 5 ปี ลดลงจาก 36.8 ในช่วงปี
2558-2562 เป็นไม่ต่ำกว่า 40 ในช่วงปี 2566-2570
อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลปรับตัวดีขึ้นจากอันดับที่ 39
ในปี 2563 เป็นอันดับที่ 33 ภายในปี 2570
และอันดับประสิทธิภาพของรัฐบาลปรับตัวดีขึ้นจากอันดับที่ 20 ในปี 2564
เป็นอันดับที่ 15 ในปี 2570
รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า
เพื่อถ่ายทอดเป้าหมายหลักไปสู่ภาพของการขับเคลื่อนที่ชัดเจนในลักษณะของวาระการพัฒนา
(Agenda)
ที่เอื้อให้เกิดการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงานและหลายภาคส่วนในการผลักดันการพัฒนาในเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้เกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม
จึงได้กำหนดหมุดหมายการพัฒนาของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 จำนวน 13 ประการ
โดยแบ่งเป็น 4 มิติ ได้แก่
1. มิติภาคการผลิตและบริการเป้าหมาย
ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 1
ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง
หมุดหมายที่ 2
ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและความยั่งยืน
หมุดหมายที่ 3
ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก หมุดหมายที่ 4
ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง หมุดหมายที่ 5
ไทยเป็นประตูการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค
หมุดหมายที่ 6
ไทยเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของอาเซียน
2. มิติโอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม
ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 7
ไทยมีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง
และสามารถแข่งขันได้ หมุดหมายที่ 8
ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย
เติบโตได้อย่างยั่งยืน หมุดหมายที่ 9
ไทยมีความยากจนข้ามรุ่นลดลง
และคนไทยทุกคนมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ เหมาะสม
3. มิติความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 10
ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ หมุดหมายที่ 11
ไทยสามารถลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
4. มิติปัจจัยผลักดันการพลิกโฉมประเทศ
ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 12
ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต และหมุดหมายที่
13 ไทยมีภาครัฐที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ
และตอบโจทย์ประชาชน
รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ภายหลังการระดมความเห็นในครั้งนี้
สศช.
จะนำความคิดเห็นที่ได้จากการประชุมมาประมวลและปรับปรุงร่างแผนพัฒนาฯ
ฉบับที่ 13 ให้มีความครบถ้วน สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
แล้วนำเสนอต่อสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
หลังจากนั้นจะเสนอร่างดังกล่าวต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
คณะรัฐมนตรี และรัฐสภา ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ
ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้แผนฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 1
ตุลาคม 2565 ต่อไป
สำหรับการประชุมระดมความคิดเห็นร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ณ
จังหวัดสุโขทัยในครั้งนี้
ผู้เข้าร่วมการประชุมได้ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง
โดยมีประเด็นสำคัญ อาทิ
การพัฒนาภาคการเกษตรของจังหวัดสุโขทัยตั้งแต่การวางแผนการปลูกไปจนถึงการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์
การยกระดับการท่องเที่ยวของสู่ระดับนานาชาติ
การเชื่อมโยงเครือข่ายการท่องเที่ยวของชุมชน
การพัฒนาระบบสาธารณสุขปฐมภูมิ
การสนับสนุนและพัฒนาระบบการศึกษาที่ครอบคลุมทุกช่วงวัยและทุกสาขา
การพัฒนาระบบอาชีวศึกษา
การพัฒนาประสิทธิภาพของภาครัฐให้มีความทันสมัย
สามารถตอบสนองการให้บริการของประชาชนได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถแสดงความคิดเห็นต่อร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่
13 ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ของ สศช. ได้ทางเว็บไซต์ www.nesdc.go.th,
Facebook สภาพัฒน์, Twitter สภาพัฒน์, Line สภาพัฒน์ Update, Email :
plan13@nesdc.go.th และตู้ ปณ. 49 ปทฝ. หลานหลวง กรุงเทพฯ
10102
-------------------------
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
9 ธันวาคม 2564
|