เมื่อวันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม 2564 นายอาคม
เติมพิทยาไพสิฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะรัฐมนตรีประจำแผนงาน IMT-GT
ของไทยเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 27
แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย
(Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle: IMT-GT)
ผ่านระบบประชุมทางไกล โดยมี ดาโต๊ะ ซรี มุสตาปา
โมฮาเหม็ด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย
เป็นประธานที่ประชุม พร้อมด้วย นายไอรลังกา
ฮาตาร์โต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประสานกิจการเศรษฐกิจ
สาธารณรัฐอินโดนีเซีย นายอาเหม็ด เอ็ม
ซาอีด รองประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย ดาโต๊ะ
ลิม จ็อก ฮอย เลขาธิการอาเซียน นายวันฉัตร
สุวรรณกิตติ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะผู้แทนระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของฝ่ายไทย
ร่วมด้วยเจ้าหน้าที่อาวุโสและผู้แทนของมาเลเซียและอินโดนีเซีย
มุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด
ตลอดจนผู้แทนภาครัฐและเอกชนของประเทศสมาชิกแผนงาน IMT-GT
เข้าร่วมการประชุม มีสาระสาคัญดังนี้
รัฐมนตรีแผนงาน IMT-GT ของ 3
ประเทศรับทราบรายงานผลการดำเนินงานและกิจกรรมตลอดช่วงปี 2563 – 2564
ที่แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
แต่ยังสามารถปรับตัวและดำเนินกิจกรรมที่สำคัญให้สำเร็จลุล่วงไปได้
โดยมีโครงการสำคัญที่คืบหน้า อาทิ การจัดทำกรอบความร่วมมือด้าน
การศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง และการกักกัน (CIQ)
เพื่ออำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายสินค้าและคนข้ามพรมแดนในพื้นที่ฯ
การจัดเตรียมการโครงการนำร่องเพื่อมุ่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของอนุภูมิภาค
IMT-GT การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ความร่วมมืออุตสาหกรรมฮาลาล
และการประชุมเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างโครงการเมืองยางและอุตสาหกรรมยางของ
3 ประเทศ รวมถึงการจัดทำแผนดำเนินงานระยะห้าปี พ.ศ. 2565 – 2569
ที่จะใช้เป็นแผนดำเนินงานฉบับต่อไปภายใต้วิสัยทัศน์ พ.ศ. 2579
โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาตามแนวระเบียงเศรษฐกิจ
เน้นการขับเคลื่อนโดยภาคเอกชน
การเติบโตอย่างสมดุลและการจัดทำแนวทางการสร้างความร่วมมือกับหุ้นส่วนการพัฒนา
นอกจากนี้
ที่ประชุมยังได้รับทราบถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการของกรอบการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนของแผนงาน
IMT-GT พ.ศ. 2565 – 2569
ซึ่งมุ่งเน้นให้เกิดการลงทุนในเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
การลดมลพิษจากภาคการขนส่ง
และการใช้ประโยชน์ควบคู่กับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
โดยมีมูลค่าการลงทุนรวม 5,370 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.79
แสนล้านบาท) ทั้งนี้ รัฐมนตรีแผนงาน IMT-GT
ของไทยได้ให้ข้อคิดเห็นว่าประเด็นดังกล่าวมีความสำคัญต่อการพัฒนาในระดับอนุภูมิภาค
อีกทั้งยังสอดรับกับทิศทางของไทยที่กำลังดำเนินนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว
(Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) รวมถึงโครงการเมืองสีเขียว
ในเทศบาลนครสงขลาและเทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ
ยังได้ใช้โอกาสนี้นำเสนอผลการดำเนินงานของรัฐบาล อาทิ "โครงการภูเก็ต
แซนด์บ็อกซ์” และ "สมุย พลัส โมเดล”
เพื่อเตรียมความพร้อมการเปิดประเทศรองรับนักท่องเที่ยวและสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
รวมไปถึง "โครงการคนละครึ่ง”
ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและสนับสนุนผู้ประกอบการร้านค้าขนาดกลางและขนาดเล็กในช่วงที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน
ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคให้มากขึ้นเพื่อรองรับภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
คลี่คลายลง
โดยปัจจุบันประเทศไทยได้ดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานในพื้นที่ต่าง ๆ
ของภาคใต้รองรับไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ท่าอากาศยานเบตง จังหวัดยะลา
ท่าอากาศยานกระบี่ จังหวัดกระบี่ ท่าอากาศยานภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
ท่าอากาศยานสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี และท่าอากาศยานระนอง
จังหวัดระนอง เป็นต้น
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีของประเทศสมาชิกแผนงาน IMT-GT
ยังได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU)
ระหว่างอุทยานธรณีโลกลังกาวี (มาเลเซีย) อุทยาธรณีโลกสตูล (ไทย)
และอุทยานธรณีโลกทะเลสาบโตบา (อินโดนีเซีย) ผ่านระบบประชุมทางไกล
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีในการปกป้องและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงภูมิศาสตร์ในท้องถิ่น
ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
ซึ่งจะนำไปสู่กิจกรรมแลกเปลี่ยนการศึกษาดูงานและการจัดทำแผนการตลาดด้านการท่องเที่ยวร่วมกันของ
3 อุทยานธรณีดังกล่าว
นอกจากนี้ รัฐมนตรีแผนงาน IMT-GT ทั้ง 3 ประเทศ
พร้อมด้วยผู้แทนจากธนาคารพัฒนาเอเชียและเลขาธิการอาเซียนได้ร่วมกันให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมผลการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ 27 แผนงาน IMT-GT
โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระดับอนุภูมิภาคเพื่อรับมือกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการดำเนินงาน
รวมทั้งสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลในทุกสาขาความร่วมมือ
อำนวยความสะดวกในการพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกยุคใหม่
ส่งเสริมให้คณะทำงานต่าง ๆ
แสวงหาแนวทางความร่วมมือข้ามสาขาอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นในอนาคต
และรับทราบข้อริเริ่มจากภาคเอกชนในการเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับคณะทำงานทุกสาขาของแผนงาน
IMT-GT
เพื่อบรรลุเป้าหมายการฟื้นฟูเศรษฐกิจในยุคหลังโควิด-19
ในปี 2565
รัฐบาลไทยจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่
28 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องภายใต้แผนงาน IMT-GT ทั้งนี้
หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง
การประชุมดังกล่าวจะมีขึ้น ณ จังหวัดภูเก็ต
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเอกสารการประชุมในลิงก์นี้
https://bit.ly/3yEm3kM
ภาพ/ข่าว
กองยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|