สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) จัดระดมความคิดเห็น"กรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570)” ระดับภูมิภาคทั่วประเทศ และกลุ่มเฉพาะ
รวมทั้งเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านสื่อออนไลน์
เพื่อนำความเห็นไปใช้ในการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศต่อเนื่องจากแผนพัฒนาฯ
ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560– 2565) โดยแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13
เป็นเสมือนก้าวที่ 2
ของการวางรากฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาวตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
20 ปี
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 นางธิดา พัทธธรรม
รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เป็นประธานการประชุมระดมความเห็นต่อ
"กรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 -
2570)” ระดับกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (จังหวัดยะลา ปัตตานี
นราธิวาส) จังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูล ณ โรงแรมสยามออเรียนทัล
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีนางสาวดุษฎี พฤกษเศรษฐ
หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสงขลา
เป็นตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเป็นผู้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม
โดยผู้ร่วมประชุมประกอบด้วย หน่วยงานราชการจากส่วนภูมิภาค
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจเอกชน
เครือข่ายภาคประชาสังคม และนักวิชาการ ประมาณ 150 คน
นางธิดา พัทธธรรม กล่าวว่า
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
มีภารกิจสำคัญประการหนึ่งคือการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13
เพื่อใช้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศต่อเนื่องจากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่
12 (พ.ศ. 2560 –2565) ที่จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2565 โดยแผนพัฒนาฯ
ฉบับที่ 13 เป็นเสมือนก้าวที่ 2
ของการวางรากฐานการพัฒนาประเทศในระยะยาวตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
20 ปี
กระบวนการจัดทำแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ผ่าน ๆ มา สศช.
ได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการแสดงความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดทิศทางและแนวทางการพัฒนาสำคัญของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง
ในกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ก็เช่นกัน สศช.
ยังคงมุ่งเน้นเปิดโอกาสให้ภาคีการพัฒนาและสาธารณชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อแผนฯ
อย่างกว้างขวาง ประกอบกับในมาตรา 15
ของพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2561
กำหนดว่าในการจัดทำแผนพัฒนาฯ นั้น
ต้องจัดทำกรอบที่ผ่านความเห็นจากประชาชนก่อนเป็นอันดับแรก
จึงจะดำเนินการในขั้นตอนของการจัดทำยุทธศาสตร์ของแผนฯ
ในรายละเอียดต่อไป ดังนั้น สศช.
จึงจัดกิจกรรมการระดมความเห็นต่อกรอบแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13
ขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2564 ในหลายรูปแบบ
ทั้งการจัดเวทีระดมความเห็นในระดับกลุ่มจังหวัดทั่วประเทศ
การระดมความเห็นเฉพาะกลุ่มในส่วนกลาง
รวมถึงการจัดให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมแสดงความคิดเห็นได้โดยสะดวกและทั่วถึงผ่านช่องทางออนไลน์และสื่อสาธารณะ
รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า
ภายหลังการระดมความเห็นในครั้งนี้ สศช.
จะนำความคิดเห็นที่ได้มาประมวลและปรับปรุงกรอบแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13
ให้มีความครบถ้วน สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แล้วนำเสนอต่อสภาพัฒนาฯ หลังจากนั้น
จะแต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 แต่ละด้าน
เพื่อจัดทำร่างยุทธศาสตร์แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13
ที่สอดคล้องกับกรอบที่จัดทำไว้
และจะมีการระดมความเห็นร่วมกับภาคีการพัฒนาต่อร่างยุทธศาสตร์ของแผนฯ
ในช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องต้นปี 2565 ต่อไป
จากนั้น เป็นการนำเสนอ "ร่างกรอบแผนพัฒนาฯ
ฉบับที่ 13”
ซึ่งกำหนดแนวทางและหมุดหมายการพัฒนาให้ตอบสนองกับบริบทการพัฒนาที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่
6 ถึงปีที่ 10 ของยุทธศาสตร์ชาติ สรุปได้ดังนี้
สาระของกรอบแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13
มีเป้าหมายเพื่อพลิกโฉมประเทศไทย สู่เศรษฐกิจสร้างคุณค่า
สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน โดยสิ่งที่ต้องทำ คือ การเปลี่ยนผ่านประเทศ
หรือการ transform ประเทศใน 4 ด้านหลัก ได้แก่
1. การเปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจฐานทรัพยากร
ไปสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมและองค์ความรู้
หรือการมุ่งสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ซึ่งมีเป้าหมายให้เศรษฐกิจไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูง
บนพื้นฐานของการสร้างมูลค่าเพิ่ม จากการพัฒนา ต่อยอด
และใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี
และนวัตกรรม พร้อมกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
2.
การเปลี่ยนผ่านจากสังคมที่มีเพียงบางกลุ่มที่เข้าถึงโอกาสไปสู่สังคมที่มีโอกาสสำหรับทุกคนและทุกพื้นที่
หรือการสร้างสังคมแห่งโอกาสและความเสมอภาค
โดยทุกกลุ่มคนมีโอกาสในการเลื่อนสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างเต็มศักยภาพ
ได้รับความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ
มีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค
และประเทศมีความเหลื่อมล้ำลดลง ทั้งในเชิงธุรกิจ พื้นที่ รายได้
และความมั่งคั่ง
3.
การเปลี่ยนผ่านจากการผลิตและการบริโภคที่ทำลายสิ่งแวดล้อมไปสู่วิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความปลอดภัยหรือการเสริมสร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืน
โดยทุกภาคส่วนในสังคมมีรูปแบบการดำเนินชีวิตและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เอื้อให้เกิดความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม
พร้อมทั้งสามารถรับมือและมีภูมิคุ้มกันจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
4.
การเปลี่ยนผ่านจากกำลังคนทักษะต่ำและภาครัฐที่ล้าสมัย
ไปสู่กำลังคนและภาครัฐที่มีสมรรถนะสูง
เพื่อเอื้อต่อการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่การเป็นเศรษฐกิจสร้างคุณค่า
สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน
ภายใต้องค์ประกอบในแต่ละด้าน จะมีการกำหนด "หมุดหมาย”
ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงสิ่งที่ประเทศไทยปรารถนาจะ ‘เป็น’ มุ่งหวังจะ
‘มี’ หรือต้องการจะ ‘ขจัด’ ในช่วงระยะเวลา 5 ปีของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่
13 เพื่อให้การขับเคลื่อนเป้าหมายการพลิกโฉมประเทศสู่การเป็น
เศรษฐกิจสร้างคุณค่า สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน
ไปสู่การปฏิบัติมีทิศทางที่ชัดเจนและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จำนวน 13
หมุดหมาย คือ (1)
ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูปมูลค่าสูง (2)
ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณค่าและความยั่งยืน (3)
ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน (4)
ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง (5)
ไทยเป็นประตูการค้าการลงทุนและจุดยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค
(6)
ไทยเป็นฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและบริการดิจิทัลของอาเซียน
(7) มุ่งลดความเหลื่อมล้ำระหว่างธุรกิจขนาดใหญ่และ SMEs (8)
มุ่งลดความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่ (9)
มุ่งเพิ่มพลวัตการเลื่อนชั้นทางสังคมและลดความเหลื่อมล้ำเชิงรายได้และความมั่งคั่ง
(10) ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ (11)
ไทยสามารถปรับตัวและลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ (12)
ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต และ (13)
ไทยมีภาครัฐที่มีสมรรถนะสูง
การระดมความเห็นต่อกรอบแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ที่ สศช.
จัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2564 นี้
ประกอบด้วยการจัดเวทีระดมความเห็นในระดับกลุ่มจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน
18 ครั้ง การระดมความเห็นภาคีการพัฒนาจำนวน 7 กลุ่ม ได้แก่ ภาคราชการ
ภาคเอกชน กลุ่มนักวิชาการ/สถาบันการศึกษา กลุ่มเยาวชน กลุ่มผู้สูงอายุ
กลุ่มสื่อมวลชน และกลุ่มอดีตผู้บริหาร สศช.
นอกจากนี้ประชาชนทั่วไปสามารถแสดงความคิดเห็นต่อกรอบแผนพัฒนาฯ
ฉบับที่ 13 ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ของ สศช. ได้ทางเว็บไซต์
www.nesdc.go.th, Facebook สภาพัฒน์, Twitter สภาพัฒน์, Line สภาพัฒน์
Update, Email : plan13@nesdc.go.th แบบสอบถามออนไลน์ และตู้ ปณ.49
ปทฝ.หลานหลวง กรุงเทพฯ 10102
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
8 เมษายน 2564
|