เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2561 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน "วันผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2561" พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษและมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแด่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณ ห้องแกรนด์ไดมอนด์บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ได้กล่าวสุทรพจน์สรุปได้ว่า ตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ได้มีโอกาสถวายงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้ทรงสอนให้รู้จักและเข้าใจธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ สอนให้รู้จักการใช้ชีวิต สอนให้ทำงานเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่น พระองค์ทรงสอนด้วยวิธีแยบยลมาก รับสั่งให้ทำ ๓ ข้อ คือ มองทุกอย่างที่ฉันทำ จดทุกอย่างที่ฉันพูด สรุปสิ่งที่ฉันคิด
ประการแรก มองทุกอย่างที่ฉันทำ ให้มองเพื่อหาความเข้าใจ หาความรู้ต้นเหตุปลายเหตุอย่างไร ให้มองทุกอย่างที่ฉันทำ ประการที่สอง จดทุกอย่างที่ฉันพูด จะได้เป็นหลักฐาน เหมือนเราไปเรียนหนังสือจดเล็คเชอร์ ประการที่สาม สรุปสิ่งที่ฉันคิด ทรงให้จดบันทึกไว้เพื่อกันลืมอดีต จดแล้วมองไปในอนาคต โดยแนวทางการสรุป 3 ประการ คือ กิจกรรม พระราชกรณียกิจ พระราชกระแส มีอะไรบ้าง และแนวความคิดของพระองค์ที่ทรงมีต่อพื้นที่ หรือกิจกรรมนั้นๆ จะดำเนินการในทิศทางใด มีผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร ต้องสรุปให้ครบถ้วน ถือเป็นคัมภีร์นำมาใช้เป็นแนวทางในการทำงานต่อไป ใครจะมากล่าวอ้างเป็นอย่างอื่นไม่ได้
นอกจากนี้ ดร.สุเมธ ยังกล่าวถึงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ว่า เคยเข้าเฝ้าฯ กราบพระบาทของพระองค์และกราบบังคมทูลว่า อายุครบ 72 ปี พระองค์ทรงยกพระหัตถ์มาจับบ่าผมเขย่าแล้วรับสั่งว่า "สุเมธ งานยังไม่เสร็จ" นั่นเป็นสิ่งที่แสดงว่าพระองค์ทรงห่วงเรื่องงานและประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง ดังนั้นตราบใดที่ยังอยู่ ผมก็จะขอทำงาน และไม่ทำงานเพื่อตัวเอง แต่ทำงานเพื่อประโยชน์กับคนอื่น โดย ดร.สุเมธ ได้ทิ้งท้ายฝากข้อความเตือนใจไว้ด้วยว่า "ระหว่างอยู่ อยู่ให้สง่า และตายอย่างสงบ”
การจัดงาน "วันผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2561" ภายใต้แนวคิด "เตรียมพร้อมทุกวัน สู่สังคมผู้สูงอายุยุคใหม่ที่มั่นคง" ตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของผู้สูงอายุ และได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมกิจการผู้สูงอายุจัดงานนี้ขึ้นเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายในการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ตามแนวทางประชารัฐ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นสังคมสูงอายุ และสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งเพื่อรณรงค์ให้ประชาชน หน่วยงานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ของคนทุกวัยก่อนเข้าสู่การเป็นประชากรสูงอายุที่มีคุณภาพในอนาคตด้วย
นอกจากการมอบรางวัลผู้สูงอายุแห่งชาติแล้ว ภายในงานยังได้มีพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้ชนะการแข่งขันกรีฑาและเปตองผู้สูงอายุไทย ผู้ชนะการประกวดคลิปวีดิโอ และผู้ชนะการประกวดสุนทรพจน์ พร้อมทั้งการเสวนาทางวิชาการ หัวข้อ "เตรียมพร้อมทุกวัย สู่สังคมผู้สูงอายุยุคใหม่ที่มั่นคง” และการแสดงนิทรรศการและนวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุ 5 โซน ได้แก่ โซนสุขภาพดี โซนมีงานทำ โซนนวัตกรรมสร้างสรรค์ โซนเรียนรู้สังคม โซนมั่นคงในชีวิต ซึ่งหน่วยงานภาคีเครือข่ายร่วมกันจัดขึ้น
ในโอกาสนี้ ดร. ปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มอบหมายให้ นางสาวกัญญารักษ์ ศรีทองรุ่ง รักษาการที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีกับ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ลำดับที่ 9 ซึ่งในช่วงดำรงตำแหน่งดังกล่าว ท่านมีบทบาทสำคัญในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๘ โดยเป็นแผนแรกที่พลิกโฉมการวางแผนพัฒนาประเทศ โดยเปลี่ยนกระบวนการวางแผนที่เน้นการมีส่วนร่วมจากประชาชนทุกสาขาอาชีพ รวมถึงเปลี่ยนแนวคิดการพัฒนาที่เน้นเป้าหมายทางเศรษฐกิจมาเป็นเน้น "คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา” นอกจากนี้ สภาพัฒน์ได้เริ่มพัฒนาข้อมูล GDP รายไตรมาสขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยของท่านด้วย
ทั้งนี้ ดร.เสนาะ อูนากูล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตเลขาธิการ ๒ สมัย ได้รับการยกย่องให้เป็น "ผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๙” ด้วยเช่นกัน
ข่าว/ภาพ : เมฐติญา วงษ์ภักดี |