ข่าวสาร/กิจกรรม
|
การติดตามโครงการภายใต้แผนงานสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก เพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนาภาคสู่การปฏิบัติ จังหวัดจันทบุรีและระยอง
วันที่ 1 เม.ย. 2566 (จำนวนผู้เข้าชม 40)
|
เมื่อวันที่ 28 – 29 มีนาคม 2566 ดร.สมสุข ศรีสถิตย์วัฒนา และ ดร.วัชรี สงวนศักดิ์โยธิน หัวหน้ากำกับการลงพื้นที่ภาคตะวันออก คณะอนุกรรมการติดตามโครงการภายใต้แผนงานสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก พร้อมด้วย นางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นายวรวุฒิ ด่านสมพงศ์ วัฒนธรรมจังหวัดระยอง นายปัญญา ประดิษฐสาร เกษตรจังหวัดจันทบุรี ดร.ชัฐพล สายะพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประเมินผล สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร นางสาววัลภา ปันต๊ะ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมพืชน้ำมันและพืชตระกูลถั่ว ผศ.ดร.มารุต ตั้งวัฒนาชุลีพร คณบดีคณะสหเวชศาสตร์ นายวัชรพงษ์ สุขีวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา นางสาวจินนา ตันศราวิพุธ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคกลาง (สพก.) นางสาวจิตรลดา พิศาลสุพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนยุทธศาสตร์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ สพก. ลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรี และระยอง เพื่อประชุมหารือและรับฟังผลการดำเนินงานโครงการสำคัญเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในระดับพื้นที่ ได้แก่
1.โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรณีแปลงใหญ่ทุเรียน หมู่ที่ 6 ตำบลวังโตนด อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี
2.โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรณีโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรมโดยการเพิ่มมูลค่าด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย ในพื้นที่ตำบลสองสลึง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยบูรพา
3.โครงการกระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมชุมชนไทย (CCPOT) สู่สากล ของกระทรวงวัฒนธรรม กรณีชุมชนคุณธรรมวัดพลา (กระเป๋าคล้องแขนดอกไม้โคลน) ตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง
ในการลงพื้นที่หัวหน้ากำกับการลงพื้นที่ฯ และคณะผู้ติดตามได้รับทราบผลการดำเนินงาน ปัจจัยความสำเร็จ และปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น ตลอดจนมีการหารือแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อคิดเห็นร่วมกัน ซึ่งหัวหน้ากำกับการลงพื้นที่ฯ มีความเห็นว่าการดำเนินโครงการมีส่วนสำคัญในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนในท้องถิ่น ทั้งช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และสร้างรายได้ อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ โดยเฉพาะด้านการเงินและการตลาดเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้วิสาหกิจชุมชน อาทิ การบริหารจัดการรายได้จากการใช้เครื่องจักร การให้ความรู้ในการจัดทำบัญชีและงบการเงิน การส่งเสริมการรวมกลุ่มเพื่อร่วมกันจัดซื้อปุ๋ยและสารเคมีทางการเกษตรโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง การพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ นอกจากนี้ ควรส่งเสริมอัตลักษณ์พื้นถิ่นเพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ การออกแบบตราสินค้าโดยใช้ภาษาสากล การขึ้นทะเบียนตราสินค้า การสร้างเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย มีคุณภาพ ได้การรับรองมาตรฐาน และเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวชุมชน รวมทั้งการถ่ายทอดประสบการณ์และองค์ความรู้ เพื่อจัดทำเป็นชุดข้อมูลความรู้ในการส่งต่อให้สมาชิกภายในกลุ่ม หรือเผยแพร่สู่สาธารณะ ตลอดจนการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง และมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่การผลิต ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคชุมชน และสถาบันการศึกษา ในการพัฒนา ต่อยอด และขับเคลื่อนการดำเนินงาน นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานรากให้ยั่งยืนในระยะยาว |