เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นางสาววรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สายงานสังคมให้การต้อนรับ นางสาวสิริลักษณ์ เชียงว่อง หัวหน้าสำนักงาน UNFPA Thailand นางดวงกมล พรชำนิ เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการบริหารโครงการ นางกุลวดี สุมาลย์นพ ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายการสื่อสารองค์กรและผู้ประสานงานด้านความเท่าเทียมทางเพศและการลดความรุนแรง และนายอธิภัทร วรางคนันท์ เจ้าหน้าที่ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงประชากร ข้อมูล และนวัตกรรม เนื่องในโอกาสที่ นางสาวสิริลักษณ์ เข้ารับตำแหน่ง Head of Office, UNFPA Thailand Country Office รวมทั้งหารือแนวทางความร่วมมือร่วมกับ สศช. ในระยะต่อไป ณ ห้องประชุมเดช สนิทวงศ์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
นางสาวสิริลักษณ์ ได้แสดงความขอบคุณต่อเลขาธิการ สศช. ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านประชากร การเปิดโอกาสให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 รวมทั้งชื่นชมการจัดงาน NESDC Social Forum 2023: Together We Thrive ของ สศช. เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งการใช้กลุ่มผู้นำทางความคิด (influencer) นำเสนอประเด็นต่าง ๆ ทำให้การจัดงานและการนำเสนอประเด็นทางสังคมมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยนายดนุชาฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อ UNFPA Thailand Country Office ที่ให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่ สศช. ในด้านต่าง ๆ มาโดยตลอด ทั้งการจัดทำบัญชีกระแสการโอนประชาชาติ (National Transfer Account หรือ NTA) และการจัดทำและเผยแพร่แผนพัฒนาประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว (พ.ศ. 2565 – 2580)
ในโอกาสนี้ นางสาวสิริลักษณ์ ได้หารือแนวทางความร่วมมือระหว่าง UNFPA Thailand Country Office และ สศช. ในระยะต่อไป ได้แก่ 1) การจัดทำ NTA ของประเทศไทยในระยะต่อไปอย่างต่อเนื่อง 2) แนวทางการขับเคลื่อน Country Programme Document (CPD 12th: 2022 – 2026) ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการวางแผนครอบครัวและสิทธิในการเจริญพันธุ์ (Family Planning and Reproductive rights) การส่งเสริมสุขภาพของแม่และเด็ก (Maternal heaths) การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ (Gender equality) ทั้งในเรื่องการขจัดความรุนแรงทางเพศ (Gender-based violence) การท้องไม่พร้อม (Unplanned pregnancy) และ Life-Cycle Approach ที่ให้ความสำคัญกับการเกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศไทยที่เข้าสู่สังคมสูงวัยมากกว่าการมุ่งเพิ่มจำนวนประชากร รวมทั้งการส่งเสริมความเท่าเทียมในกลุ่มเพศทางเลือก (LGBTQ) และ 3) การให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคในด้านอื่น ๆ อาทิ การประยุกต์ใช้ Social Return on Investment (SROI) ในกระบวนการวิเคราะห์และประเมินระดับนโยบายหรือโครงการ
นายดนุชาฯ เห็นว่าการจัดทำ NTA ควรมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง สำหรับการใช้ SROI อาจนำมาทดลองใช้วิเคราะห์ประเมินโครงการนำร่องเพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนาประชากรฯ ในระดับพื้นที่ หรือโครงการขนาดเล็กด้านการศึกษาและการพัฒนาสถานพยาบาล เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านการตั้งสมมติฐานและข้อมูลที่นำมาประเมินผลกระทบเชิงบวกที่จะเกิดขึ้นจากโครงการลงทุนภาครัฐ สำหรับการรับมือกับสังคมสูงวัย ประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนาระบบความคุ้มครองทางสังคมทั้งบริการภาครัฐและระบบสวัสดิการที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ โดยต้องมีการพัฒนาระบบกองทุนและสวัสดิการชุมชนเพื่อมาหนุนเสริมการจัดสวัสดิการภาครัฐด้วย โดย สศช. ยินดีที่ UNFPA Thailand Country Office จะเข้ามาร่วมขับเคลื่อนแผนพัฒนาประชากรฯ ซึ่งต้องเร่งขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติให้เห็นผล โดยควรเลือกประเด็นที่จะสามารถทำให้เกิดผลได้เร็ว
นางสาววรวรรณฯ กล่าวเสริมว่า สศช. อยู่ระหว่างการวางแผนจัดทำโครงการนำร่องเพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนาประชากรฯ ในแต่ละภาค และมีแผนที่จะดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานในส่วนกลางที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านแผนระดับที่ 3 ต่อไป สำหรับการพัฒนาคนในทุกช่วงวัยและการลดความเหลื่อมล้ำ สศช. ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการบูรณาการเพื่อพัฒนาความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม (กบสท.) ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาในระดับพื้นฐาน (foundation) ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาคนที่มีคุณภาพ
ในการนี้ สศช. และ UNFPA เห็นพ้องที่จะจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในช่วงปี ค.ศ. 2023 – 2026 เพื่อเป็นกรอบในการกำหนดแผนการทำงานร่วมกัน (Work plan) ในมิติต่าง ๆ อาทิ การขับเคลื่อนแผนพัฒนาประชากรฯ และการสนับสนุนความร่วมมือทางเทคนิค อาทิ การจัดทำ NTA ของประเทศไทยในระยะต่อไป และการใช้ SROI ในการวิเคราะห์ประเมินโครงการ
ข่าว : กองยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสังคม
ภาพ : เมฐติญา วงษ์ภักดี / กองยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสังคม
|