ข่าวสาร/กิจกรรม
|
การประชุมเชิงปฏิบัติการการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทย
(จำนวนผู้เข้าชม 72)
|
เมื่อวันที่ 14 -15 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา กองยุทธศาสตร์และประสานการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ "การยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทย” ณ โรงแรม อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ โดยมีนายวิโรจน์ นรารักษ์ รองเลขาธิการ สศช. เป็นประธาน
ซึ่งมีตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนตัวชี้วัดและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 100 ราย จาก 55 หน่วยงาน
นางสาวศศิธร พลัตถเดช รักษาการที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน ได้บรรยายในหัวข้อ "ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ปี 2565 โดยสถาบัน IMD” พบว่า อันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 33 จากอันดับที่ 28 ในปี 2564 โดยปัจจัยหลัก 4 ด้าน ลดลงทั้งหมด จากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งปัจจัยหลักด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจมีอันดับลดลงมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านประสิทธิภาพภาครัฐ ด้านประสิทธิภาพภาคธุรกิจ และด้านโครงสร้างพื้นฐาน ตามลำดับ โดยจากผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขัน ปี 2565 สศช. ได้จัดกลุ่ม ตัวชี้วัดออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย ตัวชี้วัดที่อยู่ในระดับดี ระดับปานกลาง และที่เป็นจุดอ่อน (อยู่ในระดับที่ 41 เป็นต้นไป) และเมื่อพิจารณาอันดับของตัวชี้วัดที่เป็นจุดอ่อน สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ (1) ตัวชี้วัดที่ลดลงชั่วคราว
จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ (2) ตัวชี้วัดที่เป็นจุดอ่อน/อยู่อันดับต่ำอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาและปรับปรุงเพื่อนำไปสู่การยกระดับอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะต่อไป
การประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับกลุ่มตัวชี้วัดโดยเฉพาะตัวชี้วัดที่เป็นจุดอ่อนของประเทศอย่างต่อเนื่อง ผ่านการใช้เครื่องมือนวัตกรรมนโยบายเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าร่วมวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน ปัญหา อุปสรรค ในการดำเนินงานของภาครัฐที่ต้องปรับตัว และร่วมเสนอแนวทางเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันในมิติที่เกี่ยวข้องกับภารกิจ โดยในการดำเนินงานกระบวนการได้รับความร่วมมือจากห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (Thailand Policy Lab: TPLab) ซึ่งได้มีการแบ่งกลุ่มตามตัวชี้วัดที่เป็นจุดอ่อนอย่างต่อเนื่อง จำนวน 8 ด้าน ได้แก่ ผลิตภาพเกษตร ผลิตภาพอุตสาหกรรม ผลิตภาพแรงงาน การศึกษา สุขภาพ ทุจริต การเริ่มต้น/ดำเนินธุรกิจ และมลพิษ โดยในการดำเนินกิจกรรมได้มีการนำเครื่องมือนวัตกรรมเชิงนโยบายต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ตั้งแต่การวิเคราะห์ปัญหาเชิงลึกเพื่อค้นหาปัญหาและสาเหตุของปัญหาในแต่ละระดับโดยเทียบเคียงกับภูเขาน้ำแข็ง การจัดลำดับความสำคัญของประเด็นปัญหา
เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อให้เห็นถึงการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาที่มีการดำเนินงานอยู่ของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อลดความซ้ำซ้อน และร่วมเสนอแนวทางการดำเนินงาน/โครงการที่มีประสิทธิภาพที่จะส่งผลต่อการขับเคลื่อนการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน
ในช่วงท้ายของการประชุมเชิงปฏิบัติการ นายสุริยนต์ ธัญกิจจานุกิจ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สศช. ได้กล่าวสรุปโดยเน้นย้ำความสำคัญในการนำเครื่องมือและองค์ความรู้ที่ได้จากการประชุมในครั้งนี้ไปประยุกต์ใช้และต่อยอดให้สอดคล้องกับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน ทั้งนี้ การทำงานของภาครัฐในระยะต่อไปต้องให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคีการพัฒนาต่าง ๆ โดยยึดหลักประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา (People-centered development) ตลอดจนการประยุกต์ใช้เครื่องมือ วิธีการ และกระบวนการแบบใหม่ ๆ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมเชิงนโยบาย (Policy Innovation) สำหรับการแก้ปัญหาเชิงนโยบาย หรือขับเคลื่อนประเด็นการพัฒนาเชิงนโยบายต่าง ๆ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์
ข่าว : กองยุทธศาสตร์และประสานการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน (กพข.)
ภาพ : จักรพงศ์ เสาวภาพมงคล
|