ข่าวสาร
ข่าวสาร/กิจกรรม
สภาพัฒน์ เปิดเวทีระดมความคิดเห็นร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ผ่านระบบออนไลน์
วันที่ 23 ธ.ค. 2564 (จำนวนผู้เข้าชม  57)
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณชนและภาคีการพัฒนาทุกภาคส่วน ผ่านระบบออนไลน์ ต่อ "ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570)”  เพื่อร่วมปรับปรุงร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ให้มีความสมบูรณ์ สอดคล้องกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ และสามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละภาคส่วนได้อย่างแท้จริง ก่อนประกาศใช้ในเดือนตุลาคม 2565

วันนี้ (23 ธันวาคม 2564) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อ"ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570)” ผ่านระบบออนไลน์ โดย นายโสภณ แท่งเพ็ชร์ รักษาการที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงานสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมระดมความเห็นโดยผู้ร่วมประชุมประกอบด้วย หน่วยราชการส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจเอกชน เครือข่ายภาคประชาสังคม และนักวิชาการ จาก 3 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน แพร่ และตาก จำนวน 111 คน อาทิ คุณปกรณ์ จีนาคำ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน คุณสินีนาถ ทองนาเมือง ผู้บริหารสัปปายยะ สปา คุณเพียงฤหัย แก้วอัคฮาด สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจังหวัดแพร่ คุณเพชรรุ่ง เชาวกรวัชร์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพจังหวัดแพร่ คุณกำธร บุญสา รองประธานหอการค้าจังหวัดตาก และคุณอำนาจ มหันตรัตน์ ปลัดอำเภอวังเจ้าจังหวัดตาก

วัตถุประสงค์ของการประชุมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ให้กับสาธารณชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคีการพัฒนาต่าง ๆ รวมถึงเปิดโอกาสให้ภาคีการพัฒนาในระดับพื้นที่/กลุ่มเฉพาะ ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ทั้งในระดับภาพรวม ได้แก่ เป้าหมาย กลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ และแนวทางหลักในร่างแผนฯ และระดับหมุดหมาย ได้แก่ เป้าหมาย ตัวชี้วัด และกลยุทธ์ในแต่ละหมุดหมาย ให้มีความสมบูรณ์และสอดคล้องกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ สามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละภาคส่วนได้อย่างแท้จริง 

นายโสภณ แท่งเพ็ชร์ รักษาการที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงานฯ นำเสนอร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 สรุปสาระสำคัญได้ว่า แผนฯ 13 มีเป้าหมายหลักของการพัฒนาในระยะ 5 ปีของแผนรวม 5 เป้าหมาย ได้แก่ (1) การปรับโครงสร้างการผลิตสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม โดยรายได้ประชาชาติต่อหัวเพิ่มขึ้นเป็น 8,800 เหรียญสหรัฐในปี 2570 (2) การพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่ ดัชนีการพัฒนามนุษย์เพิ่มขึ้นเป็น 0.820 ในปี 2570 (3) การมุ่งสู่สังคมแห่งโอกาสและความเป็นธรรม ความแตกต่างของความเป็นอยู่ระหว่างกลุ่มประชากรที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูงสุดร้อยละ 10 และต่ำสุดร้อยละ 40 ให้เหลือต่ำกว่า 5 เท่าในปี 2570 (4) การเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมครอบคลุมสาขาพลังงานและขนส่ง อุตสาหกรรม และการจัดการของเสีย ลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 จากการปล่อยในกรณีปกติ ภายในปี 2570 (5) การเสริมสร้างความสามารถของประเทศในการรับมือกับความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงภายใต้บริบทโลกใหม่ ขีดความสามารถของการปฏิบัติตามกฎอนามัยระหว่างประเทศและการเตรียมความพร้อมฉุกเฉินด้านสุขภาพให้อยู่ที่ร้อยละ 90 ในปี 2570 อันดับความเสี่ยงด้านภูมิอากาศเฉลี่ย 5 ปี ลดลงไม่ต่ำกว่า 40 ในช่วงปี 2566-2570 อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลอยู่ที่ 33 ภายในปี 2570 และอันดับประสิทธิภาพของรัฐบาลอยู่ที่ 15 ในปี 2570  รักษาการที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงานฯ กล่าวต่อไปว่า เพื่อถ่ายทอดเป้าหมายหลักไปสู่ภาพของการขับเคลื่อนที่ชัดเจนในลักษณะของวาระการพัฒนา (Agenda) ที่เอื้อให้เกิดการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงานและหลายภาคส่วนในการผลักดันการพัฒนาในเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้เกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงได้กำหนดหมุดหมายการพัฒนาของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 จำนวน 13 ประการ โดยแบ่งเป็น 4 มิติ ได้แก่   

   1. มิติภาคการผลิตและบริการเป้าหมาย ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 1 ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง หมุดหมายที่ 2 ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและความยั่งยืน หมุดหมายที่ 3 ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก หมุดหมายที่ 4 ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง หมุดหมายที่ 5 ไทยเป็นประตูการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค หมุดหมายที่ 6 ไทยเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของอาเซียน
   2. มิติโอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 7 ไทยมีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง และสามารถแข่งขันได้ หมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน หมุดหมายที่ 9 ไทยมีความยากจนข้ามรุ่นลดลง และคนไทยทุกคนมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ เหมาะสม
   3. มิติความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 10 ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ หมุดหมายที่ 11 ไทยสามารถลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
   4. มิติปัจจัยผลักดันการพลิกโฉมประเทศ ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 12 ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต และหมุดหมายที่ 13 ไทยมีภาครัฐที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ประชาชน

รักษาการที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงานฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ภายหลังการระดมความเห็นในครั้งนี้ สศช. จะนำความคิดเห็นที่ได้จากการประชุมมาประมวลและปรับปรุงร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ให้มีความครบถ้วน สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แล้วนำเสนอต่อสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หลังจากนั้นจะเสนอร่างดังกล่าวต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะรัฐมนตรี และรัฐสภา ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้แผนฯ อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2565 ต่อไป

สำหรับการประชุมระดมความคิดเห็นร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมการประชุมได้ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง โดยมีประเด็นสำคัญ อาทิ ส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ การรวมกลุ่มและสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็งแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย ให้ความสำคัญกับการจัดการน้ำการพัฒนาคุณภาพของดินเพื่อส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตร การพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวใหม่โดยใช้นวัตกรรมที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ พัฒนาสินค้าและบริการด้านสุขภาพโดยเชื่อมโยงกับการเกษตรและการท่องเที่ยว เพิ่มโอกาสทางการศึกษาและอาชีพเพื่อลดการเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่ห่างไกล พัฒนากระบวนการผลิตสินค้าเกษตร การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและกรรมสิทธิ์ที่ดินทำกินอย่างเหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ปรับเปลี่ยนระบบบริหารจัดการของภาครัฐรวมทั้งสนับสนุนอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อเตรียมความพร้อมสู่รัฐบาลดิจิทัล

ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถแสดงความคิดเห็นต่อร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ของ สศช. ได้ทางเว็บไซต์ www.nesdc.go.th, Facebook สภาพัฒน์, Twitter สภาพัฒน์, Line สภาพัฒน์ Update, Email : plan13@nesdc.go.th และ ตู้ ปณ.49 ปทฝ.หลานหลวง กรุงเทพฯ 10102 
-------------------------
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
23 ธันวาคม 2564



สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 962 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
โทรศัพท์ : 02-2804085 (40 คู่สาย) แฟกซ์ : 0-2281-3938 E-mail : pr@nesdc.go.th , webmaster@nesdc.go.th
นโยบายเว็บไซต์ | นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล | นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์