ข่าวสาร/กิจกรรม
|
ทีมบูรณาการกลางจัดระดมความคิดเห็นต่อร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. .......
วันที่ 9 ธ.ค. 2563
|
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 นายเอนก มีมงคล รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมระดมความคิดเห็นต่อร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. ..... โดยมีนายวัชรพงษ์ จาวรุ่งวณิชสกุล ผู้อำนวยการกองกฎหมายและระเบียบราชการ สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นผู้ชี้แจงหลักการและเหตุผลความจำเป็นของร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. ..... โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุม ประกอบด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สศช. สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ กระทรวงมหาดไทย จังหวัด กลุ่มจังหวัดและส่วนราชการระดับกระทรวง ทั้ง 76 จังหวัด 18 กลุ่มจังหวัด 19 กระทรวง จำนวนประมาณ ๒๕๐ คน ณ โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ
สำหรับวัตถุประสงค์การจัดประชุมครั้งนี้ เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. .... จากจังหวัด กลุ่มจังหวัด และส่วนราชการ ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานจริงภายใต้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ. ศ. 2551 และระเบียบสำนักนายกรัฐมตรีว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2560 โดยประมวลเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวฯ ให้เป็นเครื่องมือในการกำกับการปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพและสามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ตรงกับความต้องการของพื้นที่ และเกิดการบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการจัดทำและให้ความเห็นชอบแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาภาค แผนปฏิบัติราชการประจำของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด การจัดทำและบริหารงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด การบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัด จะต้องปฏิบัติตามนโยบาย หลักเกณฑ์วิธีการ และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ. ศ. 2551 ที่มีเลขาธิการ ก.พ. เป็นกรรมการและเลขานุการ และคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2560 ที่มีเลขาธิการ สศช. เป็นกรรมการและเลขานุการ แต่เนื่องจากองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดมีความคล้ายคลึงกัน จึงมีความจำเป็นต้องยุบรวมและตั้งคณะกรรมการใหม่ โดยปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551 และยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2560
ข่าว : เมฐติญา วงษ์ภักดี
ภาพ : เมฐติญา วงษ์ภักดี, จักรพงศ์ สวภาพมงคล |